การตลาด - เดอะมอลล์ทุ่มงบพันล้านบาท ยกเครื่องใหญ่ “กูร์เมต์มาร์เก็ต” สู่ระดับเวิลด์คลาสเดสติเนชันซูเปอร์มาร์เกต เร่งทยอยปรับโฉมใหญ่ ประเดิมงามวงศ์วานเรียบร้อยแล้ว พารากอนทยอยเปิดโฉมใหม่ จ่อปรับท่าพระต่อไป หวังสร้างความต่างเพื่อสู้ศึกซูเปอร์มาร์เกตแย่งตลาดกว่า 80,000 ล้านบาท
การแข่งขันในธุรกิจค้าปลีก นอกจากศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ก็ยังมีซูเปอร์มาร์เกต อีกส่วนหนึ่งที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน จากแบรนด์ใหญ่ๆ ในตลาดไม่กี่แบรนด์ที่เป็นรายหลัก
ด้วยมูลค่าตลาดรวมของซูเปอร์มาร์เกตในไทยที่มีมากกว่า 80,000 ล้านบาท และมีการเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี จึงยังคงเป็นธุรกิจที่ถือได้ว่ามีความน่าสนใจและเป็นเรือธงอย่างหนึ่งของค้าปลีกแต่ละค่าย ซึ่งจะสังเกตได้ว่าที่ผ่านมาแต่ละค่ายมีการปรับกลยุทธ์ปรับโฉมครั้งใหญ่เพื่อรองรับกับการแข่งขันที่รุนแรงต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ซูเปอร์มาร์เกตก็เป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่า ในส่วนของศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าด้วย
“กูร์เมต์ มาร์เก็ต เป็นซูเปอร์มาร์เกตของกลุ่มเดอะมอลล์ที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 17 ปีแล้ว เราต้องการที่จะปรับครั้งใหญ่เพื่อยกระดับ และให้เหนือกว่าซูเปอร์มาร์เกตเดิมๆ แม้ว่าที่ผ่านมาเราจะมีการปรับรูปแบบพัฒนาคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ ต่อเนื่องตลอดเวลาก็ตาม แต่การปรับใหม่ครั้งนี้มีจุดประสงค์ที่ต้องการผลักดันให้กูร์เมต์มาร์เก็ตเป็นเวิลด์คลาสเดสติเนชันซูเปอร์มาร์เกตให้ได้ ซึ่งเป็นโจทย์ที่เราต้องแก้ไขให้ได้” นางอัจฉรา อัมพุช รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัอ เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าว
การให้ความสำคัญของกูร์เมต์ มาร์เก็ต ครั้งนี้ก็เนื่องจากว่าซูเปอร์มาร์เกตนี้เป็นบิสิเนสยูนิตที่สร้างรายได้หลักให้กับเดอะมอลล์กรุ๊ป มากถึง 1 ใน 3 ส่วนไม่แพ้ บิวตี้ฮอลล์กับเพาเวอร์มอลล์เลยทีเดียว จากรายได้รวมของเดอะมอลล์กรุ๊ปที่มีต่อปีประมาณ 50,000 กว่าล้านบาท
สำหรับสาเหตุหลักๆ ในการต้องปรับโฉมใหญ่กูร์เมต์มาร์เก็ตครั้งนี้ นายศุภวุฒิ ไชยประสิทธ์กุล ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต กล่าวว่ามาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ
1. การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต่างจากอดีตอย่างมากทำให้ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป อีกทั้งด้วยจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาเป็นตัวเร่งอีกด้วย ที่ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวให้ทันกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และสร้างดีมานด์ที่ต่างจากคู่แข่ง
2. คู่ค้าของเราที่ต้องมีการพัฒนาและร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่เรามีมากมาย ทั้งจากคู่ค้าในประเทศกับต่างประเทศ ทำให้เราสามารถนำมาเป็นจุดแข็งในการพัฒนาสินค้าอาหารและบริการต่างๆ ได้
3. การร่วมมือกับชุมชน ซึ่งจากโควิดที่ผ่านมา กระทบต่อความเป็นอยู่ของชุมชนอย่างมาก ขณะที่เราเองก็ทำงานร่วมกับชุมชนแทบจะเรียกได้ว่าครบทั้ง 77 จังหวัดแล้ว มากกว่า 2,000 ชุมชน ทั้งในเรื่องของสินค้า อาหาร ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชน ทำให้เรามองเห็นถึงแนวคิดที่จะผลักดันสินค้าของชุมชนเหล่านี้ขึ้นมามีความโดดเด่นมากขึ้น
“เดอะมอลล์กรุ๊ปมีจำนวนสมาชิกผู้ถือบัตร เอ็มการ์ดมากกว่า 4.5 ล้านราย ทำให้เราสามารถเก็บข้อมูลและพฤติกรรมการจับจ่ายของลูกค้าได้อย่างดี เป็นประโยชน์ที่เราสามารถนำมาวิเคราะห์ข้อมูลได้ และเรามีลูกค้าที่เข้าเดอะมอลล์วันละประมาณ 1 ล้านกว่าราย จากทุกสาขารวมกัน” นายศุภวุฒิกล่าว
กูร์เมต์มาร์เก็ต สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน เป็นเป้าหมายสาขาแรกที่มีการปรับโฉมยกเครื่องครั้งใหญ่ด้วยอาศัยจังหวะที่มีการระบาดของโควิดมาเร่งการปรับปรุงใหญ่ และเปิดบริการได้ช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจและการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคทั้งในเรื่องของคอนเซ็ปต์และบริการ และสินค้าที่นำเสนอ
ขณะที่กูร์เมต์มาร์เก็ต พารากอน เป็นสาขาที่สองที่เริ่มทำตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และทยอยเสร็จเปิดบริการมาเป็นโซนๆ และจากนี้จะทยอยปรับอีกที่สาขาท่าพระ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 14,000 ตารางเมตร
ปัจจุบันกูร์เมต์มาร์เก็ตมีสาขารวม 17 แห่ง แยกเป็น 3 โมเดล คือ โมเดล 1 เป็นสาขาแฟลกชิปสโตร์ เช่น พารากอน เอ็มโพเรียม เอ็มควอเธียร์ เป็นต้น, โมเดล 2 คือ รอบนอกเมือง เช่น บางแค ท่าพระ งามวงศ์วาน บางกะปิ เป็นต้น และโมเดล 3 คือ สแตนด์อะโลน ที่เปิดอยู่กับพื้นที่ของพันธมิตร เช่น คอมมูนิตีมอลล์ หรือสถานีรถไฟฟ้า เป็นต้น
นางอัจฉรากล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะยกระดับปรับปรุงใหม่ทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปีจากนี้ และคงต้องใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทในการปรับใหญ่ ซึ่งแต่ละแห่งจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ เช่น ถ้าเป็นโมเดล 1 กับ 2 ที่อยู่ในพื้นที่ของเดอะมอลล์เองก็ใช้งบประมาณ 100 กว่าล้านบาทต่อสาขา แต่ถ้าเป็นสาขาที่สร้างใหม่ก็อาจจะมากกว่า 200 ล้านบาท ส่วนโมเดล 3 ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พันธมิตรเฉลี่ย 50-70 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งโมเดลที่ 3 นี้คงจะไม่ถึงขั้นเป็นเวิลด์คลาส เพราะมีพื้นที่ไม่มากนักระดับหลักพันตารางเมตรเท่านั้นเอง
สำหรับกูร์เมต์มาร์เก็ตพารากอนนี้ใช้งบประมาณปรับปรุงมากกว่า 100 ล้านบาท และขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 8,000 ตารางเมตร จากเดิมมีประมาณ 6,000 ตารางเมตร และเพิ่มสินค้าขึ้นมาเป็นมากกว่า 50,000 เอสเคยูจากทั่วทุกมุมโลก
“ปี 2564 นี้เราก็มีการมองการลงทุนเปิดสาขาใหม่เช่นกัน แต่คงต้องเลือกทำเลที่มีศักยภาพ ซึ่งก็มีเจ้าของพื้นที่ที่ติดต่อเข้ามาหาเราจำนวนมากเหมือนกันในช่วงที่ผ่านมาที่อยากให้เราไปเปิดกูร์เมต์มาร์เก็ต” นายศุภวุฒิกล่าว
“สำหรับการปรับโฉมใหม่ของสาขาพารากอนในครั้งนี้ใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เนรมิตพื้นที่ให้เป็นมากกว่าซูเปอร์มาร์เกต ในคอนเซ็ปต์ Gourmet Market Style รูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของ Gourmet Market เอง โดยมีแกนหลัก คือคำว่า Market ที่ได้ Inspiration มาจาก Market หลากหลายแห่ง ทั้งจากเมืองเก่าในฝั่งยุโรปที่มีความคลาสสิก หรือเมืองใหม่ๆ ที่มี vibe ของความ modern แบบมี lifestyle ดังนั้นเราจึงนำความเป็น New Town และ Old Town มาผสมผสาน โดยใช้คำว่า Market เป็นตัวเชื่อมโยง โดยมีวัตถุประสงค์คือต้องการให้ลูกค้าได้รับความเพลิดเพลิน และประสบการณ์การชอปปิ้งที่ enjoyable เพลิดเพลิน ตื่นตาไปกับทั้งสินค้าคุณภาพมากมาย ในบรรยากาศที่สวยงาม” นางอัจฉรา กล่าว
โดยแบ่งเป็น 2 โซนหลัก คือ
1. โซน Farm Market จะมีการดีไซน์รูปแบบให้มีลักษณะคล้ายอาคาร Barn House ใส่ลูกเล่นด้วยการจำลองให้มีแสง รอดผ่านหลังคาลงมาภายใน ซึ่งในโซนนี้จะมีผักสด ผลไม้สด และเครื่องปรุงต่างๆ สำหรับด้านหน้าโซนจะเป็นพื้นที่ Court Yard จอด Fruit Truck และ Fruit Kiosk ที่มีผลไม้ทั้ง Import และ Local Fruit ให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินไปกับการเลือกสินค้า ให้บรรยากาศฟาร์มเมอร์มาร์เกต
2. โซน Town Hall ได้รับ Inspiration จากรูปแบบของตลาดกลางในยุโรป ที่มี Structure เป็นเหล็กและกระเบื้องดินเผาสีส้ม เป็นวัสดุมุงหลังคา และมีช่องแสงด้านบนอาคาร มีแสงส่องผ่านลงมา โดยด้านล่างจะเป็นพื้นที่ของ Specialty Shop และส่วน Dine in ที่จะมีทั้ง Butcher Shop, Sea Food, Cheese, Charcuteries Shop, สำหรับวัสดุที่ใช้ในการออกแบบจะเป็น Brick, Copper White Ceramic และไม้สีอ่อนเพื่อให้บรรยากาศดูอบอุ่น
นางสาวพลอยชมพู อัมพุช ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า การปรับกูร์เมต์มาร์เก็ตที่พารากอนครั้งนี้เราได้ยกระดับมาตรฐานให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการสร้างสรรค์ Merchandise Concept ใหม่ๆ ที่ทำให้กูร์เมต์มาร์เก็ตมีความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยใช้หลักการ Customers Comes First คือคำนึงถึงลูกค้ามาเป็นอันดับแรกด้วย 12 โซนสินค้าไฮไลต์พิเศษ
ได้แก่ 1. FARM FRESH MARKET โซนผัก-ผลไม้สด ที่มีให้เลือกมากกว่า 800 ชนิด 3,500 รายการ ส่งตรงจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย โดดเด่นด้วย range organic และนำเข้าจาก 23 ประเทศทั่วโลก
2. BUTCHERY โซนเนื้อสัตว์ ที่โดดเด่นด้วย range เนื้อวัวชั้นดี นำเข้าจาก 5 ประเทศชั้นนำผู้ผลิตเนื้อวัว ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, อเมริกา, ญี่ปุ่น พิเศษสุดครั้งแรกกับเนื้อนำเข้าจากประเทศอาร์เจนตินา และเคาน์เตอร์ JAMES MADISON PREMUIUM BUTCHER SHOP ที่มีเนื้อระดับพรีเมียม ไส้กรอกสด และเครื่องปรุง เครื่องเทศชั้นเลิศให้เลือกสรร พร้อมให้บริการ customization ตัดแต่งเนื้อตามที่ลูกค้าต้องการ
3. CHEESE & CHARCUTERIE (ชีส & ชาร์คูเทอรี) มีชีสครบครันทุกชนิดกว่า 259 รายการ นำเข้าจากแหล่งผลิตชั้นนำกว่า 7 ประเทศจากทวีปยุโรป และชาร์คูเทอรี แบรนด์ดังที่ได้รับรางวัล พร้อมด้วยสินค้าออร์แกนิกอีกมากมาย
4. SEAFOOD โซนอาหารทะเลสดส่งตรงจาก 7 คาบสมุทร พร้อมสินค้าตามฤดูกาล แซลมอนชั้นเลิศจากทั้งแปซิฟิก และแอตแลนติก รวมกว่า 14 ชนิด
5. TAKA MARCHE โซนตลาดญี่ปุ่นแท้ๆ ที่รวมร้าน “ซูกิโมโตะ” ร้านขายเนื้อวากิวชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 110 ปี ในการส่งเนื้อวากิว, ซูชิ ซาซิมิ จากร้าน Nakajima Suisan
6. GOURMET NATURAL โซนที่รวบรวมสินค้าสำหรับคนรักสุขภาพและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ครบครันด้วยผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก
7. โซนข้าวไทย ที่รวบรวมข้าวไทยพันธุ์แท้ที่ดีที่สุดจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโดยตรงจากแหล่งปลูกที่ดีที่สุดจากทุกภาค รวมทั้งบริการพิเศษ มีเครื่องสีข้าว และเครื่องขัดข้าว ให้ลูกค้าเลือกข้าวที่ต้องการสีและสามารถเลือกระดับการขัดสีข้าวที่ต้องการได้ถึง 7 ระดับ
8. DELICATESSEN โซนเมนูอาหารพร้อมรับประทานหลากหลาย ทั้งอาหารไทย Thai Deli รวมถึง Soup Bar ที่มาในรูปแบบใหม่ เป็นต้น
9. INTERNATIONAL GROCERY รวบรวมสินค้าอุปโภคและบริโภคมากกว่า 30,000 รายการ แบรนด์ดังจากไทย และต่างประเทศ
10. BEAUTY PARLOUR โซนที่รวบรวมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามมากกว่า 1,000 แบรนด์
11. PET CLUB โซนที่รวบรวมสินค้าทั้งของกินและของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง
12. GOURMET WINE CELLAR ที่สุดแห่ง Wine Shop กับ Boutique Wine Cellar ที่รวบรวม Wine ชั้นดี, Whiskey, Liquor, Spirits และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากทั่วทุกมุมโลกกว่า 1,000 แบรนด์
นางอัจฉรากล่าวว่า “หลังการปรับโฉมใหม่มั่นใจว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และยังคงเป็น Shopping Destination ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติในการเดินทางมาจับจ่ายใช้สอย อีกทั้งยังมีสัญญาณที่ดี หลังเริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายมากขึ้น รวมถึงมาตรการจากภาครัฐในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักอีกด้วย จึงคาดว่าในปีนี้จะสามารถผลักดันยอดขายกูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขาพารากอน เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งสาขาพารากอนนี้เรามีลูกค้าเดิมเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่า 40% ซึ่งเป็นคนจีนถึง 10% ยุโรป 10% เอเชีย 10% ที่เหลืออื่นๆ ซึ่งเมื่อเปิดประเทศแล้วคาดว่าชาวต่างชาติจะกลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นแน่นอน”