กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เดินหน้าหาตลาดให้เกษตรกรผู้ปลูก “มะม่วงน้ำดอกไม้” เผยล่าสุดมีข่าวดีหลังทูตพาณิชย์ฮ่องกงจับมือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 8 แห่ง จัดเจรจาธุรกิจออนไลน์ให้เกษตรกรและผู้นำเข้าฮ่องกง ขายได้ทันที 1.4 ล้านบาท และภายใน 1 ปี อีก 16 ล้านบาท
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ เมืองฮ่องกง ทำหน้าที่เซลส์แมนของประเทศ ตามนโยบายที่ได้รับจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการหาตลาดให้แก่สินค้าไทย โดยล่าสุดได้รับรายงานว่าสำนักงานฯ ได้ร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 8 แห่ง (นครปฐม ชัยภูมิ เชียงใหม่ น่าน อ่างทอง จันทบุรี สระแก้ว และพิจิตร) สร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ โดยการจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจผ่านระบบออนไลน์กับผู้นำเข้าผลไม้รายใหญ่ในฮ่องกงเพื่อช่วยแก้ปัญหาร้านอาหารไทยในฮ่องกงขาดมะม่วงน้ำดอกไม้ และช่วยเกษตรกรระบายผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดในฤดูเก็บเกี่ยวปีนี้
นางชณันภัสร์ พิศาลอภิพงศ์ ผู้อำนวยการ สคต. ณ เมืองฮ่องกง กล่าวว่า ได้จัดการเจรจาธุรกิจ "มะม่วงน้ำดอกไม้" ผ่านระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 8-12 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 9 ราย ผลการเจรจาของทั้งสองฝ่ายเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากผู้ประกอบการทุกรายที่เข้าร่วมผ่านการประเมินความพร้อม และศักยภาพในการส่งออกจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเรียบร้อยแล้วก่อนเข้าร่วมกิจกรรม ทำให้ผู้นำเข้ามีความเชื่อมั่นสูง โดยผลจากการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ คาดการณ์มูลค่าคำสั่งซื้อเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้ทันที 1.4 ล้านบาท และมูลค่าคำสั่งซื้อภายใน 1 ปี ประมาณ 16 ล้านบาท
ทั้งนี้ นอกจากการเพิ่มยอดส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้แล้ว สำนักงานฯ ยังได้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ให้สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์จากไร่สวนของตน ส่งออกมายังผู้นำเข้าผลไม้ฮ่องกงโดยตรงโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ทำให้ลดต้นทุนการขนส่งลง และทำให้ผู้ประกอบการได้เงินจากการขายอย่างเต็มจำนวน ไม่ถูกหักจากพ่อค้าคนกลาง และยังทำให้เกษตรกรเรียนรู้ขั้นตอน และเอกสารที่ต้องใช้ในการส่งออกเพื่อต่อยอดในการส่งออกสินค้าเกษตรอื่นๆ ต่อไปในอนาคตด้วย
สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลให้เที่ยวบินระหว่างประเทศลดลง และส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินขนส่ง จึงทำให้การนำเข้ามะม่วงคุณภาพดีไม่สามารถทำได้ดังเดิม เนื่องจากมะม่วงมีน้ำหนักมาก และการขนส่งต้องใช้เวลานานขึ้น อาทิ จากที่เคยส่งมะม่วงจากไทยมาฮ่องกงได้ทุกวัน ปัจจุบันสามารถส่งมาได้เพียงสัปดาห์ละ 1 เที่ยว ทำให้ผู้ประกอบการส่งออกส่งออกมะม่วงมาฮ่องกงในขณะที่ยังเปรี้ยวอยู่ และจากมาตรการ Social Distancing ของรัฐบาลฮ่องกงที่จำกัดเวลาในการเปิดให้บริการ ทำให้ร้านอาหารมียอดขายลดลง ไม่สามารถควบคุมเวลาในการบ่มก่อนนำมาประกอบอาหารได้ จึงทำคุณภาพมะม่วงที่ใช้ดิบหรือสุกเกินไป