“กกพ.” ยืนยันขีดเส้นตายโครงการ SPP Hybrid Firm ภายใน 22 มี.ค.นี้เท่านั้น หากไม่สามารถลงนาม PPA ได้ตามกำหนดถือว่าหมดสิทธิ์ทันที คาดสรุปผลเสนอกระทรวงพลังงานพิจารณาปลายเดือน มี.ค.นี้ โยนชี้ขาดโยกโควตาไปสู่โรงไฟฟ้าขยายผลหรือไม่
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรูปแบบ SPP Hybrid Firm ปี 2560 ว่า กกพ.ได้กำหนดให้ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่ผ่านการคัดเลือกการประมูลเข้าร่วมโครงการดังกล่าวต้องลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ภายในวันที่ 22 มีนาคมนี้ ดังนั้น หากรายใดไม่สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดจะถูกตัดสิทธิ์ดำเนินโครงการทันทีเนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการขยายระยะเวลาให้แล้ว
“เดือน ส.ค. 60 มีผู้ที่ผ่านคัดเลือกโครงการ SPP Hybrid Firm ทั้งสิ้น 17 ราย ซึ่งปรากฏว่าสามารถลงนาม PPA ได้แล้วเพียง 3-4 รายเท่านั้น และเท่าที่ติดตามข้อมูลน่าจะมีผู้ที่พร้อมลงนาม PPA รวมทั้งสิ้นเกือบ 200 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้มีหลายรายที่สามารถดำเนินการจัดทำรายงาน EIA ผ่านเพิ่มเติม แต่ก็มีอีกเป็น 100 เมกะวัตต์ที่คาดว่าจะไม่สามารถลงนาม PPA ได้ทันกำหนด ซึ่ง กกพ.ก็คงต้องตัดสิทธิ์และยึดแบงก์การันตี” นายคมกฤชกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังครบกำหนด 22 มี.ค. กกพ.จะรวบรวมรายละเอียดเพื่อนำสรุปเสนอไปยังกระทรวงพลังงานที่คาดว่าจะเป็นภายในสิ้นเดือน มี.ค.นี้ ส่วนกรณีที่กระทรวงพลังงานมีนโยบายที่อาจจะนำไปพิจารณาเปิดรับซื้อไฟฟ้าภายใต้โครงการโรงไฟฟ้าขยายผลแทน ซึ่งจะเป็นโครงการที่นำมาใช้แทนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในระยะเร่งด่วน หรือ Quick Win ปริมาณ 100 เมกะวัตต์เดิม และกำหนดเป้าหมายให้ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าชีวภาพที่สร้างโรงไฟฟ้าเสร็จแล้วแต่ขายไฟฟ้าเข้าระบบไม่ได้เพราะมีอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะสายส่ง แต่ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงสายส่งแล้ว หรือโรงไฟฟ้าที่ยังไม่มี PPA ให้สามารถเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าขยายผลได้ โดยกลุ่มนี้คาดว่ามีประมาณ 100 เมกะวัตต์นั้นเป็นเรื่องของนโยบาย
“การจะโยกโควตาของผู้ที่ไม่สามารถลงนาม PPA ได้ทันไปอยู่ในโรงไฟฟ้าขยายผลหรือไม่นั้นคงต้องรอระดับนโยบายเป็นผู้ตัดสินใจ กกพ.มีหน้าที่ปฏิบัติตาม” นายคมกฤชกล่าว