ข่าวดี “กกพ.” เคาะตรึงค่าไฟฟ้างวด พ.ค.-ส.ค. 64 คงเดิมพร้อมบริหารจัดการไว้ล่วงหน้าพร้อมตรึงราคายาวให้ถึงสิ้นปีหากไม่มีเหตุการณ์เปลี่ยนไปจากเดิมที่วางแผนไว้ โดยยอมรับหากไม่บริหารจัดการงวดนี้ค่าเอฟทีจะลดลง 2.70 สตางค์ต่อหน่วยแต่งวดหน้าจะขยับขึ้นถึง 10.07 สตางค์ต่อหน่วย จึงเฉลี่ยพร้อมดึงเงิน 2,610 ล้านบาทบริหารยาวงวดหน้า
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2564 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2564 โดยให้เรียกเก็บที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังคงจ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดิมในอัตรา 3.61 บาทต่อหน่วยต่อไปอีก 4 เดือน
ทั้งนี้ ค่าไฟฟ้าดังกล่าวเกิดจากการบริหารจัดการโดยมีการปรับสมมติฐานเดิมที่ใช้ระดับราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 54.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลและอัตราแลกเปลี่ยน 30 บาทต่อเหรียญ มาเป็นราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยนมาเป็น 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐเพื่อให้สะท้อนข้อเท็จจริง ประกอบกับคาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คลี่คลายในครึ่งปีหลัง จะส่งผลต่อการเพิ่มความต้องการใช้เชื้อเพลิงในตลาดโลกอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงนำมาเฉลี่ยต้นทุนทั้งปี ซึ่งหากไม่ดำเนินการใดๆ โดยยึดสมมติฐานเดิมจะส่งผลให้ค่าเอฟทีงวด พ.ค.-ส.ค. 64 มีทิศทางลดลง 2.70 สตางค์ต่อหน่วยหรืออยู่ที่ -18.02 สตางค์ต่อหน่วย และในงวด ก.ย.-ธ.ค. 64 จะปรับขึ้นถึง 10.07 สตางค์ต่อหน่วย หรือค่าเอฟทีจะเป็น -7.95 ซึ่งจะเป็นราคาที่สวิงเกินไป
“เราเห็นว่าค่าไฟจะสวิงเกินไปจึงนำมาบริหารเฉลี่ยทั้งปีและปรับสมมติฐานให้สอดรับกับข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้น ประกอบกับมีเงินที่สะสมไว้เหลือจากการบริหารค่าไฟช่วงที่ผ่านมาวงเงิน 4,129 ล้านบาท เมื่อนำมาบริหารเอฟทีภาพรวมไม่ให้ขึ้นในปลายปีโดยตรึงเอฟทีไว้ที่ 15.32 สตางค์ต่อหน่วย จะใช้เงินบริหาร 2 งวดรวม 2,610 ล้านบาท จึงยังเหลือวงเงินอีกกว่า 1,000 ล้านบาท ดังนั้นหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ก็จะสามารถตรึงค่าไฟยาวถึงสิ้นปี” นายคมกฤชกล่าว
