xs
xsm
sm
md
lg

SC วางเป้า 2 ปี นั่งแท่นแบรนด์บ้านหรูอันดับ 1 เผยปี 64 ผุด 11 โครงการ มั่นใจยอดขาย 20,000 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SC
เอสซีแอสเสทฯ กางแผนธุรกิจรุกหนักตลาดบ้านเดี่ยว พร้อมแตกแบรนด์ใหม่ VENUE i-D เจาะตลาดบ้านเดี่ยว 5-10 ล้านบาท ชูสินค้าครบตอบโจทย์ทุกเซ็กชัน พร้อมทุ่มงบลงทุน 25,000 ล้านบาท ปั้นตลาดแนวราบ ตั้งเป้า 2 ปีแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ปี 64 เปิดตัว 11 โครงการใหม่ เผยสภาพคล่องมั่นคงและพร้อมทุกด้าน ตั้งเป้ายอดขาย 20,000 ล้านบาท รายได้ 19,000 ล้านบาท

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวว่า ในปี 63 บริษัทสามารถทำยอดขายแนวราบเติบโตสวนกระแสตลาด โดยสามารถ สร้างยอดขายรวมได้ 16,602 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากบ้านแนวราบ 14,757 ล้านบาท เติบโต 37% จากปี 62 ส่งผลให้บ้านเดี่ยวของ SC มีส่วนแบ่งการตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มของบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 26% ของตลาดรวมบ้านเดี่ยวระดับราคา 10 ล้านบาท

จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้ในปี 64-65 นี้ SC มีการเพิ่มนำ้หนักในการทำตลาดบ้านเดี่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยจะเน้นเจาะตลาดบ้านเดี่ยวในกลุ่มระดับราคา 5-10 ล้านบาทเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเปิดตัวแบรนด์บ้านเดี่ยว VENUE i-D เพื่อขยายตลาดบ้านราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ภายใต้ความพร้อมของ SC ในแบบ Fully-Loaded

โดย SC ตั้งเป้าว่าใน 2 ปี บริษัทจะเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ภายใต้ 3 กลยุทธ์ ด้านความพร้อม คือ 1.ที่ดินพร้อม โดยเตรียมทุ่มเงินลงทุน 25,000 ล้านบาท ใน 2 ปีนี้ เพื่อโอนที่ดินจำนวนมากกว่า 30 แปลง และรุกพัฒนาโครงการแนวราบแบบจัดหนัก ครอบคลุมทุกระดับราคาทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 2.สภาพคล่องพร้อม มีสภาพคล่องแข็งแกร่ง มีเงินสดและวงเงินพร้อมเบิกมากกว่า 10,000 ล้านบาท และ 3.สินค้าพร้อมโดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าตามปรัชญาแบรนด์ ‘For Good Mornings’ สร้างทุกเช้าที่ดีให้ลูกค้าทุกคน

สำหรับปี 64 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัว 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ  8 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท และแนวสูง 3 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท และตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวมในปีนี้ 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากโครงการเพื่อขายทั้งหมดในปีนี้จำนวน 69 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 57,500 ล้านบาท และมีรายได้รวม 19,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากสต๊อกยอดขายรอรับรู้รายได้ 6,000 ล้านบาทที่มีอยู่ในมือปัจจุบันประมาณ 50% หรือ 3,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป


กำลังโหลดความคิดเห็น