xs
xsm
sm
md
lg

เอ็กโก กรุ๊ปทุ่มกว่า 1.5 แสนล้านใน 5 ปีนี้ เร่งปิดดีล M&A เพิ่มไฟฟ้าปีนี้อีก 1 พัน MW

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอ็กโก กรุ๊ป อัดงบลงทุน 5 ปีกว่า 150,000 ล้านบาท พร้อมขยายพอร์ตพลังงานสะอาดและ Smart Energy Solution ตอบรับเทรนด์พลังงานโลก ต่อยอดสู่ธุรกิจเชื้อเพลิงและระบบสาธารณูปโภค มั่นใจปี 64 มีกำลังการผลิตใหม่เพิ่ม 1,000 เมกะวัตต์ ส่วนใหญ่มาจากการทำ M&A หนุนกำไรจากการดำเนินงานดีกว่าปี 63

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในอนาคต ว่า เอ็กโก กรุ๊ปเตรียมงบลงทุนกว่า 150,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีนี้ (2564-68) เพื่อใช้ในโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนาโรงไฟฟ้า รวมถึงการลงทุนในโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาในการควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) และการลงทุนโครงการใหม่เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยมุ่งขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจทั้งด้านการผลิตและให้บริการด้านพลังงานอย่างครบวงจร โดยธุรกิจไฟฟ้ายังเป็นธุรกิจหลัก รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงและระบบสาธารณูปโภค และธุรกิจ Smart Energy Solution

“หากมองระยะสั้นภายในปี 2564 คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในพอร์ตโฟลิโอได้ถึง 1,000 เมกะวัตต์ (MW) มาจากโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน สหรัฐอเมริกา และโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้บริษัท คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในปีนี้กว่า 3.7หมื่นล้านบาท” นายเทพรัตน์กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ 4I ได้แก่ Invest ลงทุนในสินทรัพย์ที่เติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว Improve ปรับปรุงและบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้มีความเป็นเลิศ Innovate ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และ Increase เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการเงิน

ทั้งนี้ บริษัทยังคงแสวงหาโอกาสในการลงทุนใหม่ โดยเฉพาะในพลังงานหมุนเวียนและ Smart Energy Solution เพื่อให้สอดรับกับทิศทางของการส่งเสริมพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนของโลก โดยมีแผนเข้าลงทุนในโครงการใหม่ในลักษณะการควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในประเทศเป้าหมายที่มีฐานการลงทุนอยู่แล้ว เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น


“ล่าสุด เอ็กโก กรุ๊ปประสบความสำเร็จในการลงทุนในโรงไฟฟ้า “ลินเดน โคเจน” ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 972 เมกะวัตต์ ที่เมืองลินเดน รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะปิดดีลและรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน เป็นสินทรัพย์คุณภาพ ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ดี ใกล้กับแหล่งจ่ายก๊าซธรรมชาติ จึงทำให้มีต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำ รวมทั้งขายไฟฟ้าให้กับรัฐนิวเจอร์ซีย์และนิวยอร์กซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา และยังมีสัญญาขายไอน้ำและไฟฟ้าระยะยาวกับลูกค้ารายใหญ่ การลงทุนครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของเอ็กโก กรุ๊ป ในการเปิดประตูสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเพิ่มโอกาสการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนในอนาคต” นายเทพรัตน์กล่าว

ในขณะเดียวกัน เอ็กโก กรุ๊ปยังต่อยอดการลงทุนไปยังธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจเชื้อเพลิงและระบบสาธารณูปโภค และธุรกิจ Smart Energy Solution ในฐานะผู้ให้บริการด้านนวัตกรรมพลังงานอย่างครบวงจร โดยมุ่งเน้นแสวงหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา เช่น โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีกำหนดเปิดดำเนินการในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ลักษณะ Smart and Green Industrial Estate ซึ่งได้ลงนามสัญญาร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เมื่อเดือนมกราคม 2564 โดยมีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในปี 2565, การยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Shipper) ปริมาณ 200,000 ตันต่อปี เพื่อนำมาใช้ในโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัท ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน, โครงการ Solar Solution Provider เพื่อให้บริการด้านผลิตภัณฑ์และระบบโซลาร์เซลล์ระดับพรีเมียมอย่างครบวงจร โดยจะเน้นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าอุตสาหกรรมและอาคารพาณิชย์ ซึ่งปีนี้จะได้ราว 40 เมกะวัตต์ และ 5 ปีข้างหน้าเพิ่มอีก 200 เมกะวัตต์ และโครงการร่วมลงทุนระหว่างกลุ่ม กฟผ. ผ่านบริษัท EGAT Innovation Holding เพื่อทำธุรกิจที่เกี่ยวกับนวัตกรรมไฟฟ้าและธุรกิจ New S Curve

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินธุรกิจของเอ็กโก กรุ๊ป และมีการรับรู้รายได้จากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า “ลินเดน โคเจน” สหรัฐอเมริกา โครงการโรงไฟฟ้า “หยุนหลิน” ไต้หวัน ซึ่งจะเริ่มทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 และโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 4 ปีนี้

ด้านผลประกอบการในปี 2563 เอ็กโก กรุ๊ปมีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี การด้อยค่าของสินทรัพย์ การวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า) จำนวน 8,738 ล้านบาท ลดลง 1,630 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16% เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยสาเหตุหลักมาจากผลประกอบการที่ลดลงของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพาจู โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี โรงไฟฟ้าเคซอน โรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 และโรงไฟฟ้าชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 ให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2563 จำนวนหุ้นละ 3.50 บาท ทั้งนี้ หากรวมการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2563 จำนวน หุ้นละ 3 บาท จะเป็นการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานสำหรับงวดบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2563 รวมหุ้นละ 6.50 บาท โดยมีกำหนดจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 ในวันที่ 19 เมษายน 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 27 เมษายน 2564


กำลังโหลดความคิดเห็น