xs
xsm
sm
md
lg

“TVD-MOMO” มุ่ง “อี-คอม” เต็มสูบ ปั้น ABPO ลุยถือหุ้นเทคสตาร์ทอัพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “ทีวีไดเร็ค” มุ่งอี-คอมเมิร์ซเต็มตัว เป้าสัดส่วนรายได้ 50% เท่ากับช่องทางเดิม หลังโมโมไต้หวันผู้ถือหุ้นหลักประกาศลุยจริง ไทยต้องสร้างสัดส่วนรายได้ 10% หรือ 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ABPO บริษัทลูก เดินหน้าถือหุ้นเทคสตาร์ทอัพเต็มสูบ

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือทีวีดี (กลับมารับตำแหน่งนี้อีกครั้งวันที่ 1 มกราคม 2564) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายธุรกิจบริษัทฯ เข้าสู่ช่องทางอี-คอมเมิร์ซ ควบคู่ไปกับช่องทางเดิมทีวีโฮมชอปปิ้งอย่างสมบูรณ์แบบ โดยคาดว่าในปี 2567 สัดส่วนช่องทางรายได้จะมาจากช่องทางเดิม 50% และอีคอมเมิร์ซ 50% เท่ากัน จากรายได้รวมทั้งปี 2567 ประมาณ 10,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2564 สัดส่วนมาจากอี-คอมเมิร์ซเพียง 30% จากรายได้รวมตั้งไว้ที่ 4,000 กว่าล้านบาท ตั้งเป้าหมายกำไรที่ 60 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วรายได้รวมประมาณ 3,800 ล้านบาท
 
ทั้งนี้ การปรับแผนเพื่อให้สอดคล้องกับการที่กลุ่มโมโมจากไต้หวัน (MOMO) ที่เข้ามาถือหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิมในทีวีไดเร็ค และโมโมมีเป้าหมายที่จะรุกตลาดอี-คอมเมิร์ซในไทยเต็มรูปแบบเพราะเป็นตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพมาก คนไทยมีพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย ใช้อินเทอร์เน็ตมาก ทำให้เข้าถึงอี-คอมเมิร์ซได้มากขึ้น จึงต้องการขยายตลาดในไทย หลังจากที่ประสบความสำเร็จเป็นผู้นำตลาดอี-คอมเมิร์ซในไต้หวันมาแล้ว โดยโมโมมีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้รวมบริษัทถึง 1 แสนล้านบาทภายในอีก 2-3 ปีจากนี้ โดยที่ประเทศไทยจะต้องสร้างสัดส่วนรายได้ให้ถึง 10% จาก 1 แสนล้านบาทนี้ หรือไทยต้องสร้างรายได้ 10,000 ล้านบาท


ขณะที่ทีวีไดเร็คเองก็ต้องการขยายช่องทางสู่ออนไลน์และอี-คอมเมิร์ซมากขึ้นเช่นกัน เพราะตลาดทีวีโฮมชอปปิ้งเริ่มเติบโตช้าลงแล้ว โดยปี 2563 มีมูลค่าตลาดรวม 16,000 ล้านบาท โต 18% เมื่อเทียบกับอดีตเติบโตมากกว่า 20-30% เพราะผู้บริโภคคนไทยดูทีวีคงที่ คนรุ่นใหม่ๆ ไปใช้การรับชมผ่านช่องทางโซเชียลมากขึ้น อีกทั้งการแข่งขันเริ่มรุนแรงมีผู้ประกอบมากขึ้น

ดร.อาทิตย์ น้อยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอบีพีโอ จำกัด ในเครือทีวีไดเร็ค เปิดเผยว่า ในปี 2564 นี้ เอบีพีโอจะขยายการลงทุนในสตาร์อัพด้านเทคคอมปานีเพื่อเสริมธุรกิจซึ่งกันและกัน เพราะเรามีโซลูชัน มีระบบ บริการต่างๆ โดยจะถือหุ้นจำนวนน้อยก่อนเพื่อทำการศึกษา และเมื่อสำเร็จก็อาจจะถือหุ้นเพิ่มได้ในอนาคต

ทั้งนี้ ธุรกิจสตาร์ทอัพที่สนใจอยู่ใน 5 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มฟูดเทค กลุ่มอินชัวรันซ์เทค กลุ่มฟินเทค กลุ่มมาร์เกตติ้งเทค และกลุ่มเฮลท์เทค ขณะนี้มีการเจรจาอยู่ 3 ดีลจากที่มีการติดต่อกันประมาณ 5-6 ดีล โดยดีลที่จบไปแล้วคือ สตาร์ทอัพบล็อกฟินท์ เป็นสตาร์อัพและบล็อกเชนเทคโนโลยี ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันสำหรับการสร้างธนาคารดิจิทัลโลกออนไลน์ และบริษัท EAT LAB ผู้พัฒนา Ai Core Tech เพื่อช่วยผู้ประกอบการร้านอาหารวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค การพัฒนาโปรโมชันร้านอาหาร ส่วนที่เหลือเป็นสตาร์ทอัพด้านสั่งอาหาร

ทั้งนี้ ได้ตั้งงบประมาณลงทุนปีนี้ไว้ที่ 30 ล้านบาท แบ่งเป็นการเข้าถือหุ้นในสตาร์ทอัพ 10 ล้านบาท และลงทุนด้านทรัพย์สินอีก 20 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายรายได้รวมของเอบีพีโอปีนี้ไว้ที่ 1,040 ล้านบาท กำไรประมาณ 37 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565-2566 จะเติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี และมีแผนที่จะนำบริษัทฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย และจะเป็นเทคคอมปานีที่สมบูรณ์ในปี 2566




กำลังโหลดความคิดเห็น