“ท่าเรือราชาเฟอร์รี่” เจอโควิด-19 พ่นพิษ ฉุดท่องเที่ยวบนเกาะสมุย-เกาะพะงันหดตัว ส่งผลให้ปี 63 มีผลขาดทุน 78 ล้านบาท พร้อมชงผู้ถือหุ้นฯ อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 20 ล้านหุ้นเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) (RP) เปิดเผยว่า
ผลประกอบการปี 2563 บริษัทขาดทุนสุทธิ 78.38 ล้านบาท เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.29 ล้านบาท โดยปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 503.68 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 722.05 ล้านบาท สาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติงดจ่ายปันผลงวดปี 2563 และเห็นควรให้มีการเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 เพื่อพิจารณาและอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) สำหรับใช้ในการขยายธุรกิจในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนบริษัท จากทุนจดทะเบียนเดิม 200,811,609 บาท เป็น 220,811,609 บาท โดยเป็นการเพิ่มหุ้นจดทะเบียนของบริษัทเป็นจำนวน 20,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 20,000,000 บาท โดยกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) ประจำปี 2564 ในวันที่ 29 เมษายน 2564
นายอภิชาติกล่าวว่า ภายหลังการทำประชาคม ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะพะลวย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมเจ้าท่า หากได้รับการอนุญาตแล้วจะเร่งสร้างให้เสร็จโดยเร็วเพื่อเชื่อมต่อการท่องเที่ยวและขนส่งจากเมืองสู่เกาะ และยังมีแผนศึกษาการลงทุนเกาะอื่นเพิ่มเติม ทำให้ต้องเสนอที่ประชุมบอร์ดขออนุมัติออกหุ้นกู้วงเงิน 800 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในโครงการลงทุนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“ในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวจากผลพวงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายๆ ธุรกิจต้องปรับตัว เช่นเดียวกับราชาเฟอร์รี่ที่เตรียมพร้อมปรับแผนลงทุนอยู่ตลอด และยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างรอการพิจารณา คาดว่าหลายๆ โครงการจะเริ่มมีความชัดเจนออกมาในช่วงครึ่งปีหลัง” นายอภิชาติกล่าว