ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดรวมวิตามินวอเตอร์เฟื่อง ปีที่แล้วโตพุ่ง 79% แย่งตลาดน้ำเปล่า น้ำแร่ โควิด-19 ทำคนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น “แมนซั่ม” ขยายตลาด รุกตลาดวิตามินวอเตอร์เป็นรายที่ 9 จัดหนัก 150 ล้านบาท ปูพรมทุกช่องทาง วางเป้าปีนี้แชร์ 15%
นางประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจทีซีพี/TCP (เครือกระทิงแดง) เปิดเผยว่า ตลาดรวมเครื่องดื่มผสมวิตามิน (ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์) ในไทยเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตอย่างดีและรวดเร็วในช่วง 1-2 ปีมานี้ โดยเครื่องดื่มกลุ่มนี้สามารถทำสัดส่วนตลาดได้มากถึง 10% จากตลาดรวมแล้วถือว่าเร็วมาก ขณะที่ในญี่ปุ่นและสิงคโปร์ที่ตลาดเติบโตใหญ่มากก็ยังต้องใช้ระยะเวลามากกว่านี้หลายปี ขณะที่ตลาดรวมเครื่องดื่มในไทยปีที่แล้วตกลงประมาณ 5%
โดยปีที่แล้ว 2563 ตลาดรวมวิตามินวอเตอร์มีมูลค่า 2,200 ล้านบาท มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมี 2,000 ล้านบาท และเติบโตมากถึง 79% จากปี 2562 ในขณะที่ปีนี้ (2564) คาดว่ามูลค่าตลาดรวมจะเพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาท หรือเติบโต 59% ซึ่งแค่เดือนมกราคมเดือนเดียวที่ผ่านไป ตลาดรวมก็มีการเติบโตมากถึง 76% แล้ว และคาดว่าภายในปีหน้า (2565) ตลาดรวมจะมีมูลค่าถึง 5,000 ล้านบาท หรือเติบโต 43% จากปีนี้
สำหรับตลาดรวมเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ก็มีการเติบโตดีเช่นกันเมื่อมองย้อนหลัง 3 ปี คือ ปี 2561 ตลาดรวมมีมูลค่า 7,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 8,400 ล้านบาทหรือเติบโต 20% เมื่อปี 2562 และเมื่อปีที่แล้ว (2563) มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท เติบโต 9%
สาเหตุหลักที่ตลาดรวมเครื่องดื่มวิตามิน หรือวิตามินวอเตอร์ เติบโตเร็วมากเพราะว่า 1. การใส่ใจในเรื่องของสุขภาพของผู้บริโภคมีมากขึ้น 2. การเกิดสถานการณ์โควิด-19 เป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้คนหันมาดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น และ 3. เกิดมาจากการไปแย่งตลาดเครื่องดื่มกลุ่มน้ำเปล่าและตลาดน้ำแร่ ซึ่งทั้งน้ำเปล่าและน้ำแร่เป็นตลาดที่ตกลงด้วย
ปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทฯ เข้าสู่ตลาดวิตะมินวอเตอร์โดยใช้แบรนด์แมนซั่ม (MANSOME) ทำตลาด เนื่องจากเป็นแบรนด์ผู้นำในตลาดเครื่องดื่มกลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์ อยู่แล้วจากทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2555 ด้วยส่วนแบ่งมากว่า 40% โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ชื่อว่า แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ ลงตลาดและถือเป็นแบรนด์ที่ 9 ในตลาดกลุ่มนี้ซึ่งคาดว่าจะทำให้ตลาดรวมมีความคึกคักมากขึ้นอีก และตั้งเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำท็อปทรีในปีนี้ หรือมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 15%
โดยมี 2 สูตรคือ สูตร Multi-vitamin ฝาเขียว กลิ่นแพนแดน มีวิตามินบี 3 และ 6 วิตามินบี 12 และ ซิงค์ และมีแอล-อาร์จินีน และ สูตร Beta-Glucan ฝาแดง หวานอ่อนๆ มีเบต้า-กลูแคน นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ภายใต้เครื่องหมายการค้า Wellmune มีวิตามินซี และซิงค์ บรรจุในขวดดีไซน์เท่ สปอร์ต มีหูหิ้วพกพาสะดวก มี 2 ขนาดคือ ขนาด 480 มล. ราคา 17 บาท จำหน่ายที่ 7-11, Family Mart, Tesco Lotus , Tops, Gourmet Market, Big C, Jiffy, Lawson, PT MaxMart, MaxValu, Villa Market, B2S, CP Freshmart, UFM Fuji Super, และร้านค้าชั้นนำทั่วไป และขนาด 475 มล. ราคา 15 บาท จำหน่ายที่ CP Retailink, SUN108 Vending และร้านค้าต่างจังหวัด
โดยจะใช้งบการตลาดรวม 150 ล้านบาท ในการทำตลาดทุกช่องทาง และแต่งตั้ง “ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” เป็นพรีเซ็นเตอร์ เผยแพร่ผ่านภาพยนตร์โฆษณาที่มีไมค์ พิรัชต์ แสดงนำ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม เป็นต้นไป ครอบคลุมช่องทางออฟไลน์ อาทิ สื่อโทรทัศน์ โฆษณากลางแจ้งสื่อ ณ จุดขายและในร้านค้า การแจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่างมากถึง 1 ล้านตัวอย่าง การโฆษณาและจำหน่ายผ่านตู้หยอดเหรียญ รวมถึงสื่อออนไลน์ทั้ง Facebook Youtube Line@ และอีคอมเมิร์ซ