บลจ.ฟิลลิปคาดหุ้นไทย1600จุด แต่ขาดเสน่ห์ เหตุปีนี้ยังไร้แววเปิดประเทศ แผนวัคซีนไม่ชัดเจนแนะเพิ่มน้ำหนักหุ้นต่างประเทศเข้าธีมเมกะเทรนต์ เกาะกระแสโลกทั้ง เทคโนโลยี สุขภาพ พลังงานสะอาด และการลงทุนในจีน
นายติยะชัย ชอง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ. )ฟิลลิป เปิดเผยว่า การลงทุนในหุ้นไทยต่อจากนี้น่าจะมีอัพไซด์ประมาณ5-10%จากดัชนีปัจจุบันที่กว่า1500จุดและขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1600จุดได้ในปีนี้ โดยจะมาจากแรงซื้อ-ขายของนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก ซึ่งหุ้นในกลุ่ม พลังงานและการเงินจะยังคงเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจแต่ในส่วนของหุ้นการเงินจำเป็นจะต้องดูจากแนวทางการทำธุรกิจเพราะมีแรงกดดันจากอัตราการเพิ่มของจำนวนNPLที่กดดันอยู่ แต่กมีบางธุรกิจที่ยังสามารถทำกำไรในระดับสูงได้จึงจำเป็นต้องเจาะลึกและดูรายตัวมากขึ้นสำหรับหุ้นกลุ่มนี้
ขณะที่เม็ดเงินลงทุนของต่างชาติคาดว่าจะไม่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวได้มากนักเนื่องจากหุ้นไทยยังขาดแรงดึงดูดเมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคเดียวกันที่น่าจะมีอัตราการฟื้นตัวและการเติบโตของเศรษฐกิจที่ดีกว่า
"หุ้นไทยมีแรงดึงดูดน้อยและราคาที่ระดับP/Eประมาณ30เท่าไม่ใช่ระดับที่ถูก ซึ่งถ้าเทียบปัจจัยพื้นฐานแล้ว จีน สิงค์โปร์ ฮ่องกงและเวียดนามเป็นตลาดที่น่าสนใจมากกว่า โดยไทยเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการบริการการท่องเที่ยวเป็นหลักซึ่งหากยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการใช้วัคซีนและการเปิดประเทศคงจะทำให้ตลาดปรับบตัวเพิ่มขึ้นอีกระดับไม่ได้"นายติยะชัย
นายติยะชัย กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารAUMเพิ่มขึ้นในระดับ2หลักจากเดิมในปีนี้บริษัทมีเอยูเอ็มประมาณ3.3พันล้านบาท และคาดว่าจะเปิดกองทุนเป็นทางให้แก่นักลงทุนเพิ่มเติมอีก โดยเบื้องเตรียมเปิดขายกองทุนใหม่ที่เน้นลงทุนในพลังงานสะอาดซึ่งนับเป็นเมกะเทรนด์แห่งอนาคต และอยากแนะนำให้นักลงทุนเข้าลงทุนใน กองทุนP-WIN ที่เน้นลงทุนในหุ้นนวัตกรรมและสามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในปีนี้บริษัทอยากแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในต่างประเทศซึ่งจะมี4ธีมการลงทุนน่าสนใจและนับเป็นเมกะเทรนด์ที่เหมาะกับการลงทุนในระยะ5ปีต่อจากนี้ ประกอบด้วย1.การลงทุนในนวัตกรรม ซึ่งเกี่ยวข้องกับปรับพฤติกรรมของผู้บริโภค และได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยพบว่าจำนวนผู้ทำธุรกรรมออนไลน์หน้าใหม่ในช่วงนี้เพิ่มขึ้กว่า90%และ มีแนวโน้มทำทุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ต่อเนื่องไปอย่างถาวร2.พลังงานสะอาดซึ่งคาดว่าจะมาเข้ามาทดแทนปิโตรเคมีในอนาคต รวมถึงการเข้าดำรง ตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดนก็ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มนี้ด้วย
3.หุ้นสุขภาพเป็นหุ้นที่น่าจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มของสังคมสูงวัยที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันโดยมีการนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีไบโอเทคเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ สุดท้าย4.ภูมิภาคเอเชียและอาเซียนรวมถึงจีนซึ่งจะเป็นกลุ่มประเทศ ที่มีการฟื้นตัวและการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับสูง
ขณะที่การลงทุนในทองคำแนะนำให้แบ่งสัดส่วนการลงทุนไว้ประมาณ5-10%ของพอร์ตเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ขณะที่การลงทุในน้ำมันต่อจากนี้คาดว่าราคาในระยะสั้นอาจปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อยจากปริมาณการผลิตที่ลดลงในช่วงที่รัฐเท็กซัสประสบปัญหาจากพายุหิมะ และในระยะกลางเองก็อาจเห็นความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นได้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเดินทางหลังจากการเปิดประเทศ อย่างไรก็ตามในระยะยาวน้ำมันน่าจะถูกทดแทนจากพลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้นทำให้ราคาไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก