“จุรินทร์” แก้อุปสรรคส่งออก เผยเรือใหญ่ 400 เมตรเข้ามาเทียบที่ท่าเรือแหลมฉบังได้แล้ว ช่วยลดต้นทุนผู้ส่งออก ส่งสินค้าไปปลายทางได้ทันที เร่งคลายปมขาดแคลนตู้ ดันส่งออกโดยไม่ใช้ตู้ อัดฉีดนำเข้าตู้เปล่า และส่งไปจีนทางบก พร้อมนำเข้า ครม. ขอนายกฯ ช่วยดันเปิดด่านเพิ่ม ระบุส่งออกรถยนต์ไปเวียดนามปัญหาจบแล้ว คาดปีนี้ส่งออกโต 4%
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและะเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ครั้งที่ 1/2564 ว่า ที่ประชุมได้มีการติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการส่งออก โดยเรื่องการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นปัญหากระทบไปทั่วโลกสามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่ภาคเอกชนเรียกร้องให้เปิดโอกาสเรือขนาด 400 เมตร ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ และมีสายการเดินเรืออยู่ประมาณ 6 สายการเดินเรือเข้ามาเทียบท่าที่แหลมฉบัง หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน ได้หารือร่วมกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะอนุญาตให้เรือที่มีขนาดใหญ่ 400 เมตร สามารถเข้ามาเทียบท่าและรับสินค้าไทยเพื่อการส่งออกได้ โดยการขออนุญาตใช้เวลาแค่ 1 วัน และใบอนุญาตจะมีอายุ 2 ปี จะช่วยให้การส่งออกสินค้าสามารถขึ้นเรือใหญ่และไปสู่ประเทศปลายทางได้เลย จากที่จะต้องไปถ่ายลงเรือใหญ่ที่สิงคโปร์หรือท่าอื่นๆ ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่จากนี้จะเป็นการลดต้นทุนไปในตัว
ส่วนการแก้ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ได้ข้อสรุปว่าสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องส่งออกโดยใช้ตู้จะใช้เรือขนสินค้าส่งออกแทน เช่น ผลไม้ มะพร้าว พืชเกษตรชนิดอื่น และไม้ยางพารา เป็นต้น โดยมีการเตรียมเรือไว้จำนวนหนึ่ง จะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ก.พ. 2564 และจะส่งเสริมให้เรือบรรทุกสินค้านำตู้เปล่าเข้ามา โดยมีมาตรการจูงใจ เช่น ลดค่าธรรมเนียมนำเข้า ซึ่งการท่าเรือฯ จะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป โดยจะเป็นผู้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบ คาดว่าอย่างเร็วที่สุดอาจเป็นวันที่ 9 ก.พ. 2564
สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังจีน จะเน้นการขนส่งทางรถหรือทางบกให้มากขึ้น โดยเร่งเจรจาการขนส่งผ่านด่านของไทยไป สปป.ลาว เวียดนาม และจีน ให้ได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความจำเป็นในการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ลงได้
นอกจากนี้ จะเร่งรัดการเปิดด่านชายแดนเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีด่านชายแดนทั้งหมด 97 ด่าน เปิดแล้ว 39 ด่าน ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สามารถเจรจาเปิดได้อีก 1 ด่าน คือ ด่านถาวรที่บึงกาฬ รวมเป็น 40 ด่าน และตั้งเป้าจะเร่งรัดเปิดอีก 3 ด่าน คือ 1. ด่านป่าแซง จ.อุบลราชธานี 2. ด่านเชียงคาน จ.เลย 3. ด่านท่าเรือหายโศก จ.หนองคาย โดยจะนำเข้าหารือในที่ประชุม ครม.เพื่อให้ท่านนายกรัฐมนตรีสั่งการเป็นนโยบาย เพื่อเร่งรัดการส่งออกได้สะดวกยิ่งขึ้นต่อไป
ส่วนปัญหาการส่งออกรถยนต์ไปเวียดนาม ล่าสุดอาเซียนได้ลงนามความตกลงยอมรับร่วมสินค้ายานยนต์ (MRA) ครบทั้ง 10 ประเทศแล้ว เหลือขั้นตอนการให้สัตยาบัน หากบังคับใช้จะส่งผลต่อการส่งออกรถยนต์ไปเวียดนามได้ง่ายขึ้น และปัญหาการขนส่งรถยนต์จากโรงงานไปท่าเรือเพื่อส่งออก ได้ข้อยุติว่าจะไม่มีการจับกุม เพราะเป็นข้อยกเว้นตามกฎหมายที่สามารถทำได้
ทางด้านสถานการณ์ส่งออกในปี 2564 ที่ประชุมโดยภาคเอกประเมินว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 3.5-4% ส่วนกระทรวงพาณิชย์ประเมินว่ามีโอกาสที่จะขยายตัวได้ถึง 4% เพราะการส่งออกของไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาแล้วในปี 2563 กำลังจะฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2564
