xs
xsm
sm
md
lg

MBK พลิกโฉมใหญ่รอบ 36 ปี “ดองกิ” เปิดแฟลกชิป 24 ชั่วโมง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “เอ็ม บี เค” พลิกโฉมใหม่ครั้งใหญ่รอบ 36 ปี หลังปิดฉากห้างโตคิว ปรับพื้นที่ใหม่เสริมแม็กเน็ตใหม่ทั้งร้านค้าปลีกเครือสหพัฒน์ ศูนย์ไอที ร้านอาหาร รวมทั้งแฟลกชิปสโตร์ “ดองกิ” เปิด 24 ชั่วโมง คาดปลายปีนี้ร้านค้าเปิดครบหมด หวังดึงคนเข้าศูนย์ฯ เป็นแสนคนเมื่อสถานการณ์ปกติดีขึ้น

นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์เตรียมแผนในการรีโนเวตและปรับพื้นที่ศูนย์การค้าใหม่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ห้างสรรพสินค้าโตคิวปิดให้บริการเป็นทางการเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา หลังจากที่เช่าพื้นที่เปิดบริการมานานกว่า 35 ปี ด้วยพื้นที่รวมกว่า 12,000 ตารางเมตร ตั้งแต่ชั้นที่ 1-4 

รวมถึงแผนการปรับพื้นที่ที่อื่นในศูนย์ฯ ด้วยพร้อมกัน รวมพื้นที่ที่ต้องปรับมากกว่า 40% จากพื้นที่พาณิชย์ทั้งหมดของศูนย์ฯ ที่มีมากกว่า 84,000 ตารางเมตร คาดว่าทั้งหมดจะแล้วเสร็จเป็นโฉมใหม่ ตามแผน “พลิกโฉม เอ็ม บี เค” ภายในไตรมาสที่ 3 นี้หรืออย่างช้าภายในสิ้นปี 2564 นี้ ซึ่งจะมีลิฟต์แก้วเปิดบริการด้วยฝั่งหน้าโตคิวเดิม


ทั้งนี้ การปรับพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นการปรับครั้งใหญ่ในรอบ 36 ปีของศูนย์การค้าเอ็ม บี เค ตั้งแต่เปิดบริการมาก็ว่าได้ ส่วนงบประมาณที่ใช้นั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพื่อให้ศูนย์ฯ มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น และตั้งเป้าหมายที่จะดึงคนเข้าศูนย์ฯ กลับมาให้มากขึ้นมากสุดถึง 100,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นคนไทย 50,000 คนต่อวัน และต่างชาติ 50,000 คนต่อวัน โดยคาดว่าปีนี้สถานการณ์น่าจะเริ่มดีขึ้น หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนสร้างความเชื่อมั่นได้มากขึ้นและภาครัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีขึ้น และคาดว่าภายในกลางปีหน้าหากมีการเปิดน่านฟ้ามากขึ้น หวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยอย่างน้อย 50% จากจำนวนเดิม

นายสมพลกล่าวด้วยว่า หลังจากที่มีการคลายล็อกต่อเนื่องเมื่อปีที่แล้วมาถึงช่วงปลายปีมีปริมาณทราฟฟิกคนเข้าศูนย์ฯ ดีขึ้นต่อเนื่องถึงระดับ 40,000 กว่าคนต่อวันแล้ว แต่พอเจอการระบาดระลอกใหม่เมื่อเดือนธันวาคมกรณีมหาชัยทำให้ปริมาณตกลงไปอีกเหลือประมาณ 20,000 กว่าคนต่อวันเท่านั้น ซึ่งเมื่อก่อนเกิดสถานการณ์โควิดระบาดมีปริมาณลูกค้าเข้าศูนย์ฯประมาณ 80,000 คนต่อวัน แบ่งเปฺ็นคนไทย 30,000 คนต่อวัน และคนต่างชาติ 50,000 คนต่อวัน


สำหรับรายละเอียดการปรับพื้นที่นั้น ในส่วนพื้นที่เดิมของห้างโตคิว ชั้น 1 จะปรับใหม่ โดยจะมีผู้เช่ารายใหญ่คือเครือสหพัฒน์เข้ามาใช้พื้นที่เปิดเป็นร้านค้าปลีกแนวใหม่เป็นแห่งแรกในไทย ส่วนพื้นที่นอกโตคิวจะปรับเป็นร้านอาหารเปิดบริการทั้งหมด เช่น ร้านป้อน เป็นต้น ส่วนพื้นที่ศูนย์ฯ เดิมที่ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ระหว่างการเจรจาที่จะขยายพื้นที่เพิ่มหรือไม่

ชั้นที่ 2 พื้นที่โตคิวเดิมทั้งชั้นกว่า 3,000 ตารางเมตร ที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามกีฬาฯ จะเป็นร้าน DON DON DONKI หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อว่า "ดองกิ" โดยจะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงและสาขานี้เป็นสาขาที่ 3 ในไทยแต่จะเป็นสาขาแฟลกชิปสโตร์เต็มรูปแบบสาขาใหญ่สุดในประเทศไทย มากกว่า 2 สาขาเดิม คือ เอกมัย กับเดอะมาร์เก็ต ส่วนพื้นที่ของศูนย์ฯ ที่จะปรับน้้นจะเน้นร้านอาหารเแบบแฮงก์เอาต์จับกลุ่มเป้าหมายคนเที่ยวกลางคืนแล้วมาแฮงก์เอาต์ที่นี่ และสามารถชอปปิ้งต่อที่ดองกิได้ ร้านที่จะเปิด เช่น Tim Hortons, ฮองมิน, Shinkanzen Sushi, S&P โฉมใหม่ ซึ่งจะเป็นสาขาที่เปิดบริการถึงตี 1 

ชั้น 3 อยู่ระหว่างการพิจารณว่าจะให้ผู้เช่ารายใหญ่รายเดียวเข้ามาเช่าพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นผู้ประกอบการขายสินค้าแบบโอทูโอ หรือให้เป็นรายย่อยเช่าพื้นที่เหมือนเดิม ส่วนพื้นที่ศูนย์ฯ เดิมจะเป็นร้านค้ารายย่อยที่ขายสินค้าต่างๆ เหมือนเดิมแบบไทย-เทศ มีทั้งสินค้าที่ระลึก ของฝาก ของทั่วไป 


ชั้น 4 พื้นที่เดิมของโตคิวที่เป็นซูเปอร์มาร์เกตจะปรับใหม่เป็นศูนย์กลางไอที จะมีร้านขนาดใหญ่มาเปิดบริการ เช่น ร้าน Advice, ร้าน Mi, ร้าน JD Central, ร้าน CSC เป็นต้น ซึ่งพื้นที่นี้จะมีความเชื่อมโยงกับพื้นที่ในศูนย์ฯ นอกโตคิวที่เป็นพื้นที่เกี่ยวกับมือถือ แกดเจ็ต และสินค้าไอทีอยู่แล้ว แต่ว่าจะมีการปรับลดจำนวนตู้ของรายย่อยเดิมประมาณ 50% แล้วให้ไปอยู่ในพื้นที่ของร้านมากขึ้น และที่สำคัญ ขายขนมเบื้องที่เป็นที่รู้จักกันดีและเป็นตำนานของเอ็ม บี เค ร้านหนึ่งก็ยังคงขายอยู่เช่นเดิม

ชั้น 5 ซึ่งชั้นนี้ นายสมพลยอมรับว่าแผนเดิมที่จะทำเป็นเอาต์เลต ได้ล้มเลิกไปแล้วปรับแผนใหม่มาเปิดเป็นโซนการศึกษา หรือเลิร์นนิ่งฮับ (Learning HUB) 
นอกจากนั้น ร้านเฟอร์นิเจอร์หลายรายที่เป็นตำนานกับเอ็ม บี เค มานาน ก็ยังเปิดบริการเหมือนเดิม

ชั้น 6 ปรับไปแล้วเป็นโซนโคเวิร์กกิ้งสเปซ ชื่อว่า TTA Space by Draftboard และยังมีร้านอาหารเช่นเดิมที่จะตกแต่งใหม่
ชั้น 7 ยังคงเป็นโรงหนัง SF และกิจกรรมความบันเทิง เหมือนเดิมที่จะปรับใหม่เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ขณะที่สัญญาเช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินจุฬาฯ ยังเหลืออีกประมาณ 13 ปี จากที่ผ่านไปแล้ว 7 ปี ซึ่งขณะนี้ก็มีการดำเนินการเพื่อเตรียมขอต่อสัญญาเช่นกัน ขณะที่การให้ความช่วยเหลือร้านค้าในศูนย์ฯ ก็ยังคงมีต่อเนื่อง เช่นการลดค่าเช่า 70%






















กำลังโหลดความคิดเห็น