xs
xsm
sm
md
lg

ดีเดย์ 1 ก.พ.เปิดท่าเรือหวั่งหลี ฟื้นประวัติศาสตร์ หนุนท่องเที่ยว-เชื่อมเรือข้ามฟาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมเจ้าท่าจับมือล้ง 1919 เปิดใช้ “ท่าเรือหวั่งหลี” 1 ก.พ.นี้ จุดเชื่อมต่อท่าเรือข้ามฟาก หนุนท่องเที่ยว ฝั่งธนบุรีกับชุมชนย่านตลาดน้อย ย้อนรอยประวัติศาสตร์ คืนชีวิตริมแม่น้ำ เพิ่มความสะดวกเดินทางเชื่อมต่อระบบรถ ราง เรือ

นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) กล่าวว่า จากการได้ลงพื้นที่ท่าเรือหวั่งหลี (ล้ง 1919) เมื่อวันที่ 19 มกราคม เพื่อหารือกับ คุณเอื้ออารี ตรีโสภา รองประธานบริหารบริษัท ซิโนพอร์ท จำกัด ในการเปิดใช้เป็นท่าเรือสำหรับให้บริการเรือโดยสารข้ามฟาก เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนย่านฝั่งธนกับชุมชนย่านตลาดน้อยฝั่งพระนคร โดยใช้ท่าเรือกรมเจ้าท่าเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อระหว่างท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือหวั่งหลี (ล้ง 1919)-ท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือปากคลองสาน ประกอบกับในอนาคตจะเพิ่มจุดเชื่อมต่อท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือภานุรังษี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการสัญจรทางน้ำ และนักท่องเที่ยว คาดว่าพร้อมเปิดให้บริการวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ นับเป็นอีกหนึ่งของขวัญปีใหม่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่กรมเจ้าท่าทำให้กับประชาชน

ท่าเรือล้ง 1919 ฝั่งธนฯ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามกับตลาดน้อย เป็นที่เที่ยวแนว Heritage อีกแห่งที่น่าสนใจมากๆ ด้วยการพลิกฟื้นอดีตท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” ท่าเรือกลไฟริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีบทบาทสำคัญของสยามในสมัยรัชกาลที่ ๔ ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทย-จีน ที่มีการค้าขายสินค้าผ่านการขนส่งทางน้ำกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

สำหรับชื่อ “ล้ง” นั้นมาจากชื่อเดิมของสถานที่แห่งนี้ ที่มาชื่อว่า “ฮวย จุ่ง ล้ง” เป็นภาษาจีน เขียนว่า 火 船 廊 หมายถึง “ท่าเรือกลไฟ” ซึ่งทุกวันนี้รู้จักในนามโกดังบ้าน “หวั่งหลี” ตั้งอยู่ ณ สุดถนนเชียงใหม่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ตรงข้ามกับย่านตลาดน้อย-เยาวราช สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2 393 (ค.ศ.1850) โดยพระยาพิศาลศุภผล (ชื่น พิศาลบุตร) ต้นตระกูลพิศาลบุตร ซึ่งเป็นคนจีนที่เกิดบนแผ่นดินสยาม โดยบรรพบุรุษของท่านได้เดินทางจากเมืองจีนมาค้าขายและตั้งรกรากอยู่ในเมืองไทยตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ โดยท่าเรือนี้มีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ พร้อมพื้นที่อาคาร 6,800 ตารางเมตร

ท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” คือ ท่าเรือกลไฟ เป็นเรือโดยสารหรือบรรทุกสินค้าที่ใช้ฟืนเป็นต้นเชื้อเพลิง มีขนาดใหญ่กว่าเรือไฟ นิยมใช้แล่นในทะเลหรือมหาสมุทร โดยชาวจีนในอดีตนิยมใช้เดินทางทางทะเลเพื่อเข้ามาค้าขายหรือย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่ประเทศไทย และได้มาเทียบท่าเรือขึ้นฝั่งที่ท่าแห่งนี้ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งการค้าธุรกิจ โดยตัวอาคารท่าเรือเป็นร้านค้าและโกดังเก็บสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ฯลฯ

ต่อมาเมื่อการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เข้ามามีบทบาทในการค้ากับต่างชาติมากขึ้น ท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” ค่อยๆ ลดบทบาทลง ในปี พ.ศ. 2462 (ค.ศ.1919) ตระกูล “หวั่งหลี” โดยนายตัน ลิบ บ๊วย จึงได้เข้ารับช่วงเป็นเจ้าของต่อจากตระกูลพิศาลบุตร และได้ปรับท่าเรือดังกล่าวให้กลายเป็นอาคารสำนักงาน และโกดังเก็บสินค้าสำหรับกิจการการค้าด้านการเกษตรของตระกูลหวั่งหลี ที่ขนส่งมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นที่อยู่อาศัยให้เช่าราคากันเองสำหรับพนักงานของตระกูลหวั่งหลี รวมถึงเก็บรักษาศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว (คลองสาน) ที่ประดิษฐานอยู่คู่กับท่าเรือ ฮวย จุ่ง ล้ง มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน

นายวิทยากล่าวว่า นอกจากนี้ ได้มีการหารือเพื่อจัดหาสถานที่จอดรถบริเวณท่าเรือหวั่งหลี “ล้ง 1919” จำนวน 30 คัน เพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ที่พักอาศัยอยู่บริเวณฝั่งธน เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แก้ไขปัญหาการจราจรฝั่งธนบุรี และเพิ่มจุดลดความแออัดในเขตตัวเมืองกรุงเทพฯ พร้อมเชื่อมต่อระบบรถ ราง เรือ อีกทั้งเป็นการเชิญชวนให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ได้มาใช้บริการท่าเรือหวั่งหลี “ล้ง 1919” สถานที่ที่สวยงาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งนี้

โดยในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 กรมเจ้าท่าจะมีการจัดงานครบรอบ 1 ปี ของการประดิษฐาน “พระพุทธโลกุตรธรรมประชานาถ” พระพุทธรูปประจำกรมเจ้าท่าโดยมีกิจกรรมทำบุญเลี้ยงพระ มอบเครื่องหมายนำร่องแก่ผู้บริหาร พิธีเปิดอาคารเรือนพระยาวิสูตรสาคร จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เชิญชวนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ แขกผู้ร่วมงาน และสื่อมวลชน นั่งเรือข้ามฟากมาเที่ยวชมความงามของท่าเรือหวั่งหลี “ล้ง 1919” แห่งนี้อีกด้วย












กำลังโหลดความคิดเห็น