“พาณิชย์” ดึง “ลาซาด้า-ช้อปปี้-เจดี เซ็นทรัล” ร่วมป้องกันการละเมิดบนอินเทอร์เน็ต เชิญเอกอัครราชทูตยุโรปและผู้แทนทูตสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามเอ็มโอยู เผยหากพบเห็นการจำหน่ายสามารถแจ้งแพลตฟอร์มดำเนินการและถอดออกจากการเป็นผู้ค้าได้ทันที มั่นใจช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุน และผลักดันการค้าออนไลน์เติบโตเพิ่มขึ้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ว่าด้วยความร่วมมือในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ต ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ เจ้าของสิทธิ์ และผู้ประกอบการแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดทำกรอบความร่วมมือการแก้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในรูปแบบของเอ็มโอยู ร่วมกับเจ้าของสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา 20 หน่วยงาน ผู้ประกอบการ 3 แพลตฟอร์มชั้นนำ ได้แก่ ลาซาด้า, ช้อปปี้ และเจดี เซ็นทรัล และดึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าออนไลน์มาร่วมทำงาน โดยมี H.E. Mr. Pirkka Tapiola เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย Mr. Michael Heath ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน
สำหรับสาระสำคัญของเอ็มโอยูมี 2 ส่วน คือ การระงับการจำหน่ายสินค้าละเมิดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และการเสริมสร้างองค์ความรู้ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาให้แก่ผู้ค้าออนไลน์ ซึ่งจะเป็นการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ตที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และช่วยเพิ่มความไว้วางใจของผู้บริโภคต่อการซื้อขายสินค้าออนไลน์ และยังจะมีส่วนช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการเพิ่มมูลค่าสินค้า และบริการของไทยได้
ทั้งนี้ ในปัจจุบันการค้าออนไลน์มีการเติบโตต่อเนื่อง ในปี 2562 มีมูลค่าถึง 4.02 ล้านล้านบาท เพิ่ม 6.9% แต่ก็พบปัญหาการจำหน่ายสินค้าละเมิดตามมา ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา โดยผลดำเนินการในปี 2563 สามารถจับกุมผู้ละเมิดทางอินเทอร์เน็ตได้ 345 คดี ของกลาง 56,349 ชิ้น ส่วนใหญ่เป็นเครื่องหมายการค้าแบรนด์ดังๆ และตั้งแต่ปี 2561-63 ศาลสั่งให้ปิดกั้นเว็บไซต์ละเมิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งศาลได้มีคำสั่งระงับแล้ว 36 คำสั่ง 1,501 URLs
“ผมได้ฝากให้ท่านเอกอัครราชทูตยุโรป และผู้แทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ สื่อสารไปยังผู้ลงทุนในประเทศของตนเองว่าประเทศไทยให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอย่างยิ่ง จึงนำมาสู่การลงนามเอ็มโอยูร่วมกันของทุกฝ่ายในวันนี้ และเชื่อมั่นว่าการลงนามจะมีส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจที่ใช้ทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น” นายจุรินทร์กล่าว
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้โพสต์ขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ทั้งที่เป็นแพลตฟอร์มขายสินค้าและสื่อโซเชียลต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก ไอจี ซึ่งสร้างความเสียหายต่อธุรกิจของเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอย่างมาก โดยเอ็มโอยูฉบับนี้จะเป็นความร่วมมือในการแก้ปัญหาดังกล่าว เมื่อเจ้าของสิทธิ์พบการละเมิดบนอินเทอร์เน็ตสามารถแจ้งไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อให้ดำเนินการต่อผู้ค้าที่ขายสินค้าละเมิด หรืออาจถอดออกจากการเป็นผู้ค้าในแพลตฟอร์ม ซึ่งจะช่วยให้การละเมิดลดลงได้