กลุ่มผีเสื้อกระพือปีกหารือกระทรวงพลังงาน หวังปรับเกณฑ์การคำนวณค่าการตลาดน้ำมันใหม่เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้ผู้บริโภค กางข้อมูลค่าการตลาดขณะนี้สูงถึง 3-4 บาทต่อลิตรแนะควรยึดค่าการตลาด 1.85 บาท่อลิตรไปก่อนที่จะทบทวนอัตราใหม่ต้นปี 2564
นายณกานต์ จันธิราชนารา แกนนำและผู้ก่อตั้งกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก เปิดเผยถึงการประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม คณะทำงานชุดย่อย ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเมื่อเร็วๆนี้ ว่า ได้หารือหลักเกณฑ์การคำนวณค่าการตลาดที่เหมาะสมของผู้ค้าน้ำมันว่าจะอยู่ในอัตราใดแน่โดยจะมีการประชุมคณะทำงานชุดย่อยอีกครั้งในช่วงต้นปี 2564 เพื่อพิจารณารายละเอียด
" ขณะนี้เราพบว่าค่าการตลาดน้ำมันผู้ค้าสูงถึง 3-4 บาทต่อลิตรแต่ผู้ค้าน้ำมันปัจจุบันได้ยึดกลไกเสรีในการพิจารณาค่าการตลาดจึงเห็นว่าควรจะกลับมายึดค่าการตลาดอ้างอิงตามมติ กบง.เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2561 อยู่ที่ 1.85 บาทต่อลิตร และบวกค่าใช้จ่ายดำเนินการของผู้ค้ามาตร 7(ม.7) อีก 0.15 บาทต่อลิตรเพื่อที่จะทำให้ราคาน้ำมันมีความเป็นธรรมกับผู้บริโภค"นายณกานต์กล่าว
ทั้งนี้การเรียกร้องให้มีการทบทวนค่าการตลาด ของกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก เนื่องจากเห็นว่า หลังจากกระทรวงพลังงาน ได้มีการปรับหลักเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่นใหม่ ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กบง.) เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2563 ส่งผลให้ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นฯทุกชนิดปรับลดลงได้เฉลี่ย 0.50 บาทต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.2653 เป็นต้นไป แต่ในความเป็นจริงราคาขายปลีกน้ำมันไม่ได้ปรับลดลงสะท้อนต่อราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น เพราะทางผู้ค้าน้ำมันไม่ได้ปรับลดค่าการตลาดลง ทำให้ผู้บริโภค หรือผู้ใช้น้ำมัน ไม่ได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าวและไม่เกิดความเป็นธรรม
หม่อมหลวง กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผอ.ศูนย์วิจัยนโยบายพลังงานและทรัพยากร มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การทบทวนค่าการตลาดใหม่ จะต้องเกิดความชัดเจนว่า ค่าการตลาดในแต่ละส่วนควรมีอัตราเท่าใด ทั้งผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ ตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะจากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่า ปั๊มน้ำมันรายเล็กบางส่วนต้องปิดตัวลง ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาค่าการตลาดที่ไม่เหมาะสม
