กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เตรียมจัดโครงการ Thai Fruits Golden Months ปีที่ 2 ผลักดันผลไม้ไทยเจาะตลาดจีน เป้าหมาย 14 เมือง คาดมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% จากปีแรก พร้อมจัดเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์กับประเทศเป้าหมายอื่น ช่วง ม.ค. ก.พ. มี.ค. และ ก.ค. และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับห้างและผู้นำเข้า
นายวิทยากร มณีเนตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนโครงการเจาะตลาดสินค้าผลไม้ ตามวิสัยทัศน์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ภายใต้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า ในปี 2564 กรมฯ มีแผนที่จะจัดโครงการ Thai Fruits Golden Months ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 มีกำหนดจัดที่เมืองเป้าหมายเดิมที่ผลตอบรับดี และเพิ่มเมืองรองซึ่งเป็นตลาดใหม่ทางตอนกลางของจีนที่มีศักยภาพ รวมทั้งสิ้น 14 เมือง ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว ฝอซาน จ้านเจียง อู่ฮั่น ชิงเต่า ต้าเหลียน เซียะเหมิน หนานชาง หนานหนิง ฉางชา คุนหมิง เฉิงตู และฉงชิ่ง โดยคาดว่าจะมีมูลค่าการเจรจาการค้าเติบโตอย่างน้อย 10% จากการจัดงานครั้งแรกที่มีมูลค่าเจรจาการค้ารวมทั้งสิ้น 816.27 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 2563 ผลการจัดโครงการ Thai Fruits Golden Months โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) จำนวน 8 แห่ง ได้แก่ หนานหนิง ชิงเต่า ฮ่องกง เฉิงตู เซี่ยงไฮ้ เซียะเหมิน กว่างโจว คุนหมิง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม 12 ครั้ง ใน 11 เมือง ได้แก่ หนานหนิง ชิงเต่า ฮ่องกง เฉิงตู ฉงชิ่ง ซีอาน เซี่ยงไฮ้ เซียะเหมิน กว่างโจว เสิ่นเจิ้น และคุนหมิง มีมูลค่าเจรจาการค้าจากกิจกรรมทั้งสิ้น 816.27 ล้านบาท แบ่งเป็นสั่งซื้อทันที 202.02 ล้านบาท และภายใน 1 ปี 614.25 ล้านบาท โดยสินค้าศักยภาพที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ผลไม้สด (มะพร้าว ทุเรียน มังคุด ส้มโอ ชมพู่ ขนุน สับปะรด มะม่วง ลำไย น้อยหน่า เงาะ กล้วยไข่) น้ำผลไม้ ผลไม้อบแห้ง/อบกรอบ ขนมรสทุเรียน และขนมขบเคี้ยว เป็นต้น
ส่วนการขยายตลาดผลไม้ไทยไปยังประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากจีน จะเน้นการจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ (Online Business Matching - OBM) เพื่อเพิ่มโอกาสการเจรจาการค้าให้แก่ผู้ส่งออกผลไม้ไทย จำนวน 4 กิจกรรม โดยมี สคต.ที่ตั้งอยู่ทั่วโลกเป็นคนกลางจัดหาคู่เจรจาการค้าที่เหมาะสม เน้นสินค้าผักผลไม้สดและแปรรูป รวมถึงสินค้าฮาลาล กำหนดจัดในช่วงเดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. และ ก.ค. 2564 อย่างละ 1 ครั้ง เพราะการเดินทางไปเจรจาการค้าในต่างประเทศยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากยังติดสถานการณ์โควิด-19
นอกจากนี้ ยังมีโครงการจัด In-store Promotion ร่วมกับห้างสรรพสินค้า ห้างโมเดิร์นเทรด และผู้นำเข้าทั่วโลก โดยเน้นเจาะตลาดจีน กลุ่มฮีสแปนิกในสหรัฐฯ กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายที่มีศักยภาพ และยังจะจัดงานไฮบริด ได้แก่ งานแสดงสินค้าอาหารเสมือนจริง THAIFEX : Virtual Trade Show (VTS) ที่จะจัดคู่ขนานในงานแสดงสินค้า THAIFEX–ANUGA ASIA ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย