ผู้จัดการรายวัน 360 - เจโทรเผยผลสำรวจพบร้านอาหารญี่ปุ่นปีนี้ปิดลงมากสุดนับตั้งแต่สำรวจมา เหตุโควิด-19 กระทบหนัก แต่ภาพรวมตลาดยังไปได้ดี พบสัดส่วนร้านในต่างจังหวัดเพิ่มมากผุดเป็นดอกเห็ด
นายอัทสึชิ ทาเคทานิ ประธานเจโทร กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า จากการที่เจโทรได้ทำการสำรวจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยปี พ.ศ. 2563 จากข้อมูลพบว่า ปี พ.ศ. 2563 มีร้านอาหารญี่ปุ่นต้องปิดตัวลงมากถึง 726 ร้าน มากที่สุดตั้งแต่มีการสำรวจมาเมื่อปี พ.ศ. 2550 เนื่องจากปัจจัยลบหลายประการ เช่น ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี การแข่งขันที่รุนแรงของร้านอาหารญี่ปุ่นเองและร้านอาหารที่หลากหลายให้ผู้บริโภคได้เลือก รวมทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรวมและร้านอาหารทั้งหมดด้วย คาดว่าตลาดร้านอาหารโดยรวมปีนี้ตกลง 9.7-10.6% ทำให้มูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.85-3.89 แสนล้านบาท
สำหรับช่วงล็อกดาวน์มีร้านหลายแห่งยอดขายลดลงไปมาก หลังจากคลายล็อกดาวน์ก็มีหลายร้านที่ปิดกิจการไปหรือไม่ก็เปลี่ยนเจ้าของกิจการ ขณะที่ในช่วงเดือนเมษายนเทียบปีที่แล้ว จากการสำรวจมียอดขาย 0- 30% เท่านั้น ร้านอาหารญี่ปุ่นบางแบรนด์ที่พึ่งพาลูกค้าหลักเป็นชาวญี่ปุ่นจะฟื้นตัวช้า ซึ่งยอดขายช่วงไตรมาสที่ 3 ทำได้เพียง 30-85% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยยังเติบโตได้อีกมาก โดยปี 2563 นี้ก็มีเปิดใหม่ประมาณ 400 ร้านค้า ขณะที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นรวมในไทย 4,094 ร้าน เพิ่มจากปีที่แล้วที่มี 3,637 ร้าน ถึง 12.6% เพราะการแพร่หลายของการรับประทานอาหารญี่ปุ่น ทั้งช่วงราคาที่มีให้เลือกมาก ขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น มีประเภทอาหารที่หลากหลาย มีศูนย์การค้าเปิดในต่างจังหวัดมากขึ้น ร้านอาหารญี่ปุ่นในต่างจังหวัดเพิ่มถึง 21% จาก 1,644 ร้าน เป็น 1,989 ร้านในปีนี้ ส่วนในกรุงเทพฯ จาก 1,993 ร้านปีที่แล้ว เป็น 2,105 ร้าน เพิ่มแค่ 5.6% ทั้งนี้ เมื่อปี 2560 ในต่างจังหวัดมีสัดส่วนร้านเพียงแค่ 37.3% แต่ปีนี้สัดส่วนร้านในต่างจังหวัดเป็น 48.6% โดยประเภทซูชิมีมากที่สุดถึง 1,038 ร้าน เพิ่มมามากสุดถึง 504 ร้าน ส่วนประเภทที่จำนวนลดลงมากที่สุดคือ อุด้ง ในกรุงเทพฯ ตกลง 34% ส่วนต่างจังหวัดตกลง 33% รองลงมาคือ ประเภทชาบูชาบู ในกรุงเทพฯ ลดลง 13% ในต่างจังหวัดลดลง 26%