ททท.เลื่อนเปิดลงทะเบียนรับสิทธิ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพิ่มเติม 1 ล้านสิทธิออกไปก่อน จากเดิมจะให้ลงทะเบียนวันพรุ่งนี้ หลังพบโรงแรม 312 แห่ง และร้านค้า 202 ร้าน มีพฤติกรรมต้องสงสัยทุจริต 6 รูปแบบ
วันนี้ (15 ธ.ค.) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงกรณีการร้องเรียนทุจริตโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” หนึ่งในโครงการของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ททท.ได้หารือกับภาคเอกชน และสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ กระทรวงการคลัง และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในเรื่องดังกล่าว และทำการตรวจสอบพบว่า มีโรงแรม 312 แห่ง และร้านค้า 202 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการมีพฤติกรรมต้องสงสัยเข้าข่ายทุจริต โดยลักษณะของพฤติกรรมต้องสงสัย มีอยู่ 6 รูปแบบ ประกอบด้วย
1. จองห้องพักโรงแรมราคาถูก ผ่านแอปพลิเคชัน มีการเช็กอิน แต่ไม่ได้เข้าพักจริง แต่ได้ประโยชน์จากการใช้คูปอง
2. โรงแรมขึ้นราคาค่าห้อง และรู้เห็นเป็นใจกับร้านอาหาร โดยมีการซื้อขายสิทธิกัน ไม่ได้มีการเดินทางจริง โดยผู้ขายสิทธิจะส่งเลข 4 ตัวท้ายบัตรประชาชน และเบอร์โทรศัพท์มือถือ เพื่อทำการเช็กอิน แต่ไม่พักจริง
3. โรงแรมมีตัวตนจริง ลงทะเบียนถูกต้อง แต่ยังไม่เปิดบริการ แต่กลับมีการขายห้องพักและขอรับงบประมาณช่วยเหลือจากรัฐ
4. มีการใช้ส่วนต่างคูปองเติมเงิน โดยร้านค้าจะใช้คูปองเต็มจำนวนบ่อยครั้ง
5. มีการเข้าพักจริงแต่เป็นกรุ๊ปเหมา โดยโรงแรมจะตั้งราคาสูงและได้เงินทอน ส่วนใหญ่เป็นการจองตรงกับโรงแรม
6. มีการกินส่วนต่างของการขายห้องเกินจำนวนที่โรงแรมมี เช่น โรงแรมมีห้องพัก 100 ห้องแต่เปิดขาย 300 ห้อง โดยใช้วิธีอัปเกรดให้โรงแรมอื่นแล้วกินส่วนต่าง เป็นต้น
นายยุทธศักดิ์กล่าวอีกว่า เมื่อมีการตรวจพบพฤติกรรมต้องสงสัยเข้าข่ายการทุจริตดังกล่าว ททท.จึงจำเป็นต้องเลื่อนการเปิดลงทะเบียนรับสิทธิเพิ่มอีก 1 ล้านสิทธิออกไปก่อน ซึ่งตามกำหนดเดิมจะเปิดให้ลงทะเบียนในวันพรุ่งนี้ (16 ธ.ค.) ด้วยเหตุผลด้านการตรวจสอบและปราบปรามทุจริต
อย่างไรก็ตาม นายยุทธศักดิ์ยืนยันว่าโครงการในภาพรวมยังเดินต่อได้ ซึ่งต้องระวังผู้ฉวยโอกาส และจะไม่กระทบการท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ เนื่องจากเชื่อว่ามีการจองห้องพักล่วงหน้าไว้แล้ว