บี.กริม เพาเวอร์เร่งปิดดีลการลงทุนและ M&A โครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศในปี 64 เพื่อบรรลุเป้าหมายกำลังการผลิต 7,200 เมกะวัตต์ในปี 68 เน้นลงทุนใน 4 ประเทศ เกาหลีใต้-มาเลเซีย-เวียดนาม-ไทย ยันโครงการโซลาร์ฟาร์ม 39 เมกะวัตต์จ่ายไฟทันปลายปีนี้
นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส-การเงินและบัญชี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตให้ได้ตามเป้าหมาย 7,200 เมกะวัตต์ในปี 2568 จากในปีนี้ ที่มีกำลังการผลิต 3,058 เมกะวัตต์ โดยกำลังการผลิตใหม่จะมาจาก 4 ประเทศหลัก ได้แก่ เกาหลีใต้ เป็นโครงการพลังงานลม ทั้งบนบกและในทะเล จำนวน 2-3 โครงการ ขนาดกำลังผลิต 130-160 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการเจรจาและคืบหน้าอย่างมาก โดยเริ่มเข้าไปดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ก่อสร้างแล้วรอเพียงสัญญาสำคัญ คาดว่าต้นปี 2564 จะได้ข้อสรุป
ส่วนในมาเลเซีย บริษัทมีแผนเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าขนาดกำลังผลิต 220-250 เมกะวัตต์ โดยมีโอกาสขยายเพิ่มอีก 150 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร คาดว่าจะมีความชัดเจน
ส่วนประเทศเวียดนาม บริษัทมีแผนเข้าไปพัฒนาโครงการพลังงานลม ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาขั้นสุดท้ายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 100-200 เมกะวัตต์ จำนวน 2-3 โครงการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนในต้นปี 2564 เช่นกัน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในเวียดนามอีก 2-3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตประมาณ 2,000-3,000 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนกลางปีหน้า
ด้านโครงการในประเทศไทย บริษัทมองว่ายังมีโอกาสอีกมากทั้งการซื้อกิจการ (M&A) ในโรงไฟฟ้า SPP ประมาณ 3-4 โครงการ โดยโครงการที่จะทำ M&A จะมีขนาดกำลังการผลิต 300-360 เมกะวัตต์
ปัจจุบันมีเงินสดในมือราว 20,000 ล้านบาท มีศักยภาพเพียงพอสำหรับการลงทุนให้เป็นไปตามแผน
นายนพเดชกล่าวว่า โครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วง 12 เดือนนั้นมีกำลังการผลิตรวม 45 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศกัมพูชา ขนาด 39 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD สิ้นปีนี้ หลังจากได้ทดสอบระบบเรียบร้อยแล้ว และโครงการพลังงานลมที่ จ.มุกดาหาร ขนาดกำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ไตรมาส 1/64
ส่วนผลประกอบการในปี 2564 บริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้จะเติบโตมากกว่าปีนี้เนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และมีต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลง รวมทั้งมีการเซ็นสัญญาขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทได้ร่วมกับบริษัท ซีเมนส์ อินดัสเทรียล เทอร์โบแมซีเนอรี จำกัด ในการปรับปรุงโรงไฟฟ้าให้มีสมรรถนะความพร้อม (Availability) ประสิทธิภาพ (Efficiency) ที่สูงขึ้น ช่วยลดการใช้ก๊าซฯ ในการผลิตไฟฟ้า โดยดำเนินการไปแล้ว 4 โรง ช่วยประหยัดค่าก๊าซฯ ได้ปีละ 50-70 ล้านบาท และในปีหน้าจะดำเนินการอีก 2 โรง
