กันกุลฯ ไฟเขียวทุ่มงบ 1,471.09 ล้านบาท ส่งบริษัทย่อย “ไบร์ท กรีน พาวเวอร์” ซื้อหุ้นเต็ม 100% ใน “INT Energy Pte.Ltd. (INT)” ที่สิงคโปร์ เพื่อลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ในเวียดนาม เสริมฐานทัพให้แข็งแกร่ง ส่งผลให้กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าที่เวียดนามสะสมอยู่ 160 เมกะวัตต์ เพื่อขยายฐานธุรกิจส่วนโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่เวียดนาม
น.ส.โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้บริษัทและบริษัทย่อยเข้าซื้อหุ้นสามัญร้อยละ 100 ของบริษัท INT Energy Pte.Ltd. (INT) ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังการผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ จังหวัด Tay Ninh ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งถือโดยบริษัท Tan Chau Energy Joint StockCompany (TCE) ด้วยมูลค่าการลงทุนโครงการ 1,471,097,980 บาทนั้น
โดยคณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติอนุมัติให้บริษัท ไบร์ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด บริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าทำรายการลงทุนในโครงการดังกล่าว โดยเข้าถือหุ้นในโครงการฯ คิดเป็นร้อยละ 99.90 โดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff ที่ 0.0709 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 20 ปี ทั้งนี้ ได้มีการจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์เป็นที่แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท INT นั้น เพื่อการลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการมีจำนวนเมกะวัตต์สะสมเพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นการดำเนินงานตามนโยบายในการก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำ และมีส่วนร่วมสำคัญในการผลักดันให้เกิดโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯ เล็งเห็นว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงและมีความเสี่ยงจากการดำเนินงานต่ำ ตลอดจนสามารถสร้างแหล่งที่มาของรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทฯ ได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้มีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าที่เวียดนามรวม 4 โครงการ กำลังผลิตรวม 160 MW โดยปีนี้บริษัทฯ ได้ใช้งบลงทุนไปแล้วกว่า 5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมองโอกาสในการลงทุนในเวียดนามเพิ่มในปี 2564
“คณะกรรมการบริษัทฯ ได้ประเมินถึงพื้นที่ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ผลตอบแทนการลงทุน ผลการเข้าศึกษาทางด้านเทคนิค กฎหมาย บัญชี และการเงินแล้ว เห็นว่าโครงการฯ มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์ อีกทั้งยังสามารถสร้างผลตอบแทน อัตราการเติบโตของสินทรัพย์ และผลกำไรให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้ในระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากโครงการต่อปีประมาณ 180 กว่าล้านบาท ตลอดระยะเวลา 20 ปี ” น.ส.โศภชา กล่าว