xs
xsm
sm
md
lg

“เถ้าแก่น้อย” ลุยชานมซื้อสูตรจากไต้หวัน ปรับพอร์ตลดเสี่ยงสาหร่าย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “เถ้าแก่น้อย” วางกลยุทธ์ใหม่สู้โควิด-19 ชู 3 GO ลุยตลาด ปั้นสินค้าเสริมพอร์ต ลุยชานมไต้หวัน คว้าไลเซนส์ดังจากไต้หวันบุกไทย

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามร่วมกับ นายเหลียง เจีย หมิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไต้หวัน บิฟิโด ฟู้ด (Taiwan Bifido Foods Inc) ลงนามเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Alliance Agreement) ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เพื่อได้ไลเซนส์สูตรในการผลิตและจำหน่ายชานมไต้หวันจากบริษัทไต้หวัน บิฟิโด ฟู้ด เจ้าของชานมไต้หวันแบรนด์ฉุน ชุ่ย เฮอ โดยเข้ามาผลิตในประเทศไทยชื่อแบรนด์ว่า จัสท์ดริ้งค์ (Just Drink) ในตลาดประเทศไทย ซึ่งไทยเป็นตลาดแรกที่บริษัทบิฟิโดอนุญาตให้ผลิตนอกไต้หวัน จากเดิมที่ใช้การส่งออกจากไต้หวันไปจำหน่ายในสิงคโปร์ และฮ่องกง 

เบื้องต้นได้ว่าจ้างให้บริษัท โทฟุซัง เป็นผู้ผลิต โดยวางเป้าขาย 150,000 ขวดต่อวัน เริ่มจำหน่ายเฉพาะที่เซเว่นอีเลฟเว่นแห่งแรกแบบเอ็กซ์คลูซีฟนาน 3 เดือน ขณะนี้วางแล้ว 6,000 สาขา จากทั้งหมด 12,000 สาขา ซึ่งจะทยอยวางให้ครบเร็วๆ นี้ จากนั้นจะวางขายในช่องทางอื่นๆ ทั้งซูเปอร์มาร์เกตและคอนวีเนียนสโตร์หลักๆ ส่วนหากยอดขายเพิ่มไปถึง 200,000 ขวดต่อวันก็จะพิจารณาขยายกำลังการผลิต


ตลาดนมรวมในไทยมีมูลค่าประมาณ 60,000 กว่าล้านบาท แบ่งเป็นตลาดกลุ่มนมพาสเจอไรซ์ประมาณ 16,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดชานมในไทยที่เป็นกระแสมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้เล่นหลักในเซกเมนต์ตลาดนมพาสเจอไรซ์มีหลายราย เช่น ซีพีเมจิ ดัชมิลล์ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่มีใครที่มีรสชาติชานมไต้หวันทำให้บริษัทเข้ามาเปิดตลาดในส่วนนี้ โดยวางเป้าหมายรายได้ชานมจัสท์ดริ้งค์ในปีหน้า (2564) ที่ทำตลาดเต็มตัว คาดว่าจะทำยอดขายได้ 200-300 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งประมาณ 2% ในตลาดชานม 

“การผลิต และวัตถุดิบนำเข้ามาจากไต้หวัน อยู่ภายใต้การควบคุมคุณภาพจากบิฟิโด ทำให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพและรสชาติ ช่วงแรกมีรสชาติเดียว ราคา 35 บาท ขนาด 275 มิลลิลิตร สินค้าเราโดดเด่นด้วยแพกเกจจิ้งทรงกระบอกเอกลัษณ์ของเรา ฝาขวด 3 ชั้นรักษาคุณภาพรสชาติไว้อย่างดี” นายอิทธิพัทธ์กล่าว


สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาด ทางบริษัทได้ทำการจัดสรรงบประมาณแยกออกจากแบรนด์เถ้าแก่น้อยอย่างชัดเจน พร้อมกระตุ้นตลาดนมพร้อมดื่มให้คึกคักอย่างเต็มรูปแบบ โดยเลือกทำการตลาดไปที่ออนไลน์และออฟไลน์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้างมากที่สุด โดยหลังจากที่ได้ทำการทดลองวางสินค้าสู่ตลาดในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาก็ได้การตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างดี จนทำให้เกิดกระแสสินค้าขาดตลาด และตามหาจัสท์ดริ้งค์ ซึ่งทางบริษัทได้ทำการรวบรวม และนำฟีดแบ็กจากผู้บริโภค (Consumer Voice) มาปรับปรุงและพัฒนาต่อไป พร้อมเตรียมขยายกำลังการผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค และสามารถรองรับสินค้าใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย พร้อมตั้งเป้าส่วนแบ่งมูลค่าตลาดนมพาสเจอไรซ์ประมาณ 2% ในปี 2564

ทั้งนี้ การรุกตลาดเครื่องดื่มชานมไต้หวันครัังนี้เป็นไปตามนโยบายธุรกิจใหม่ที่บริษัทวางไว้หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด โดยชูกลยุทธ์ 3 GO ประกอบด้วย Go Firm คือการปรับองค์กรให้มีความพร้อม มีความคล่องตัวและกะทัดรัด, Go Board คือการขยายไลน์สินคาหลากหลาย ไม่พึ่งพาแค่ตัวใดตัวหนึ่งเป็นหลักเพื่อลดความเสี่ยง และ Go Global คือการทำให้บริษัทเป็นบริษัทระดับสากล ทั้งยอดขายและการขยายตลาดต่างประเทศ


ขณะที่ตลาดหลักคือ สาหร่ายนั้น ตลาดรวมปี 2563 นี้ตกลงอย่างมาก 10% ขณะที่ตลาดสแน็กรวมตกลงประมาณ 4% จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจและโควิด-19 เป็นปัจจัยหลัก ซึ่งตลาดหลักของเราส่วนหนึ่งก็มาจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศซึ่งปีนี้ตลาดนี้หายไปหมดเพราะการเดินทางข้ามประเทศทำไม่ได้ บริษัทต้องปรับตัวและหาสินค้าใหม่มาทำตลาดเสริมพอร์ตโฟลิโอให้มากขึ้น แต่ในระยะยาวแล้วก็ยังมั่นใจถึงศักยภาพตลาดสแน็กสาหร่ายที่ยังเติบโตได้อยู่ดี เพราะสแน็กสาหร่ายแบบเค็มยังมีไม่ถึง 1% ของซอลตี้สแน็กเลย

ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าทำตลาดใน 3 กลุ่มหลัก คือ 1. สแน็กสาหร่าย สัดส่วนรายได้มากกว่า 80%, 2. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ 3. เครื่องดื่ม รวมกันสัดส่วน 20% โดยวางเป้าหมายในอนาคตสัดส่วนรายได้จะใกล้เคียงกัน

สำหรับรายได้รวมปี 2563 นี้คาดว่าจะตกลงประมาณ 10% ถึง 15% จากปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 5,200 ล้านบาท โดยช่วง 3 ไตรมาสแรกที่ผ่านมารายได้รวมยังติดลบอยู่ แต่กำไรใกล้เคียงกับปีที่แล้ว










กำลังโหลดความคิดเห็น