ผู้จัดการรายวัน 360 - ลุ้น ธ.ค.สถานการณ์โรงภาพยนตร์กลับมาพีก 100% เหตุรายชื่อหนังฟอร์มยักษ์พร้อมฉายความสุข “เอสเอฟ” ลุยตามแผนอัด 300 ล้านบาท ผุดเพิ่ม 4 ทำเล 20 โรง พร้อมงัดกลยุทธ์เจาะกลุ่มพรีเมียม ทุ่ม 50 ล้านบาทจับมือกับ โอมาซ ให้บริการโรงภาพยนตร์ The Bed Cinema by Omazz® บัตรราคา 900 บาท ตั้งเป้ามีผู้ชม 50,000 คนต่อปี
นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทต้องมีการปรับแผนธุรกิจและใช้เม็ดเงินทุกเดือนในการทำตลาดเพื่อกระตุ้นให้คนมาใช้บริการ รวมถึงจัดหาอีเวนต์และคอนเทนต์โลคัลมาชดเชยหนังต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 10 เรื่องที่เลื่อนฉายออกไปเป็นปีหน้า ซึ่งปีหน้าเชื่อว่าตลาดโรงภาพยนตร์จะกลับมาเติบโตอีกครั้งด้วยจำนวนรายชื่อหนังฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง โดยเอสเอฟยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนเดิม หรือในปี 2564 เตรียมขยายสาขาเพิ่มอีก 4 แห่ง แบ่งเป็น กทม.1 แห่ง และต่างจังหวัด 3 แห่ง รวมทั้งสิ้น 20 โรง เฉลี่ยลงทุนโรงละ 15 ล้านบาท หรือกว่า 300 ล้านบาท
ส่วนในปีนี้มองว่าสัดส่วนรายได้หนังไทยจะสูงกว่าหนังต่างประเทศ ด้วยจำนวนหนังไทยที่ฉายมากกว่า ซึ่งสัญญาณเริ่มดีขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ย ที่ผ่านมา กับหนังไทยเรื่อง อีเรียมซิ่ง ที่ทำรายได้สูงกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่รอบฉายหนังอยู่ที่ 80% หรือประมาณ 4 รอบ/โรง/วัน ในเดือนธ.ค นี้ เชื่อว่าจะกลับมาที่ 100% หรืออยู่ที่ 5.5 รอบ/โรง/วัน จากรายชื่อหนังทำเงินที่กลับเข้ามา โดยเฉพาะ Wonder Woman ที่คาดว่าจะเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดในปีนี้
นายสุวิทย์กล่าวต่อว่า ล่าสุดในเดือน ธ.ค.นี้ได้เปิดตัว ‘The Bed Cinema by Omazz®’ โดยจับมือกับ โอมาซ (Omazz®) ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องนอนที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก นับเป็นครั้งแรกของการจับมือกันของผู้ประกอบการชั้นนำในอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านที่นอนและเครื่องนอนระดับโลก ‘The Bed Cinema by Omazz®’ ใช้งบประมาณการลงทุน 50 ล้านบาทในการปรับปรุงโรงภาพยนตร์ใหม่ทั้งหมด โดยเปิดให้บริการที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมตั้งเป้ามีผู้ชม 50,000 คนต่อปี เปิดให้บริการวันแรก 4 ธ.ค.นี้ ด้วยภาพยนตร์ไทย เรื่อง อ้ายคนหล่อลวง
“‘The Bed Cinema by Omazz®’ เป็นครั้งแรกของไทยที่มีการนำเตียงนอนคุณภาพสูงมาใช้ในโรงภาพยนตร์ ควบคู่กับออกแบบในบรรยากาศเสมือนพักผ่อนอยู่ในบ้านสไตล์ Modern Luxury ตั้งแต่เข้ามาในเลานจ์รับรองที่เปรียบเสมือนห้องนั่งเล่น จนถึงภายในโรงภาพยนตร์ที่จำกัดเพียง 40 เตียงนอน เพื่อให้ลูกค้าได้รับความเป็นส่วนตัวที่สุดในการใช้บริการ รวมถึงมีการออกแบบตำแหน่งมุมมองให้เหมาะสมกับการชมภาพยนตร์ทุกที่นั่ง พร้อมด้วยระบบภาพ Digital Cinema 4K ให้ภาพคมชัด ตื่นตา สมจริง ระบบเสียง Dolby Digital Surround 7.1 ให้เสียงคมชัดเสมือนจริง นับเป็นระบบภาพและเสียงที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกภาพยนตร์ ในส่วนของการบริการ ผู้มาใช้บริการสามารถเข้าพักผ่อนในเลานจ์ก่อนเข้าชมภาพยนตร์ โดยจะมีป็อปคอร์นและเครื่องดื่มให้บริการทั้งในระหว่างพักคอยและตลอดการชมภาพยนตร์ ด้วยค่าบริการเริ่มต้น 900 บาท ที่สำคัญ ทุกรอบฉายจะมีการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเพื่อความสะอาด ปลอดภัย ควบคู่กับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคในโรงภาพยนตร์ตามมาตรฐานสากล” นายสุวิทย์กล่าว
ด้าน นายประทีป โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท Lotus Bedding Group และโอมาซ (ประเทศไทย) กล่าวว่า โปรเจกต์โรงภาพยนตร์ “The Bed Cinema by Omazz®” ถือเป็นจุดเริ่มต้นการคิกออฟแผนแคมเปญ “The Bed Experience by Omazz®” ที่แบรนด์โอมาซมุ่งมั่นใส่ใจในเรื่องการส่งมอบประสบการณ์ในการนอนที่พิเศษยิ่งขึ้นอยู่เสมอ เราจึงเป็นมากกว่าแบรนด์ที่ขายที่นอนและเครื่องนอนออร์แกนิก ในปีนี้โอมาซจึงตั้งใจจะมอบของขวัญแก่ผู้บริโภคผ่านการสร้างประสบการณ์ให้ผู้ชมได้เข้ามาดื่มด่ำกับทุกสัมผัสของทุกผลิตภัณฑ์คุณภาพโอมาซที่คัดสรรมาเพื่อโปรเจกต์นี้โดยเฉพาะมูลค่าการลงทุนต่อเตียงนอน 1 คู่ อยู่ที่ 600,000-1,000,000 บาท ซึ่งผู้ชมสามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจทั้งแบบ 1 ท่าน 2 ท่าน หรือ 4 ท่าน ซึ่งแบรนด์โอมาซมีความเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของทีมผู้บริหาร รวมถึงการให้บริการของโรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ ว่าเป็นหนึ่งในผู้สร้างโรงภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในเอเชีย นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่แบรนด์โอมาซที่ได้เลือกเอส เอฟ มาร่วมเป็นพันธมิตรในการทำโปรเจกต์ Collaboration ภายใต้แนวคิด “The Next Level of Cinema Experience” ในครั้งนี้