xs
xsm
sm
md
lg

สมาคมการตลาดจัด Thailand Marketing Day 2020 : The Marketing Mutation เปลี่ยนอย่างสร้างสรรค์ กลายพันธุ์เพื่ออยู่รอด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยจัดงานวันนักการตลาด “Thailand Marketing Day 2020 : The Marketing Mutation” สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของโลกการตลาดยุคโควิด-19 พร้อมแนะ 3 มิติการปรับเปลี่ยนอย่างสร้างสรรค์ กลายพันธุ์เพื่ออยู่รอด เพราะผู้บริโภคคือผู้กลายพันธุ์กลุ่มแรกนับตั้งแต่การใช้ชีวิตไปจนถึงการทำงาน ดังนั้น นักการตลาดต้องสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ด้วย 4 แกนความรู้สำคัญ คือ เรื่อง Strategic marketing การวางกลยุทธ์ที่ชัดเจนก่อนออกเดินทางในโลกธุรกิจ, Marketing Technology & Innovations การเรียนรู้ที่จะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้เพื่อสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่แตกต่าง, Storytelling การสื่อสารอย่างมีศิลปะ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในโลกที่เต็มไปด้วยสารจากหลายแบรนด์ และ Marketing integrity & Sustainability การเติบโตอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของธรรมาภิบาลที่ดี

นายอนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัดงานวันนักการตลาดสุดยิ่งใหญ่ พร้อมเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับโลกยุคการตลาดกลายพันธุ์ โดยภายในงานได้จัดให้มีกิจกรรมรูปแบบที่น่าสนใจ พร้อมการบรรยายหลากหลายหัวข้อจากวิทยากรที่จะมาเปิดโลกแห่งประสบการณ์ใหม่ ฟังข้อมูลเจาะลึกครอบคลุมทุกแง่มุม ตั้งแต่เรื่องวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ เทคโนโลยีการตลาดที่จะรับมือกับวิถีชีวิตใหม่ของผู้บริโภค มาจุดแรงบันดาลใจพร้อมรับความรู้จากผู้บริหารระดับสูงกว่า 30 ท่านจากหลากหลายวงการ เช่น ดร.ลักขณา ลีละยุทธโยธิน คุณขัตติยา อินทรวิชัย คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ ดร.ธรรม์ จิราธิวัฒน์ คุณสุทิพา ปัญญามหาทรัพย์ คุณสันติสุข คล่องใช้ยา คุณประพัฒน์ เสียงจันทร์ คุณโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ ดร.ดั่งใจถวิล อนันตชัย คุณอริยะ พนมยงค์ ดร.ศรุต วานิชพันธุ์ คุณธนพงศ์ วงศ์ชินศรี คุณเกรียงไกร กาญจนโภคิน ดร.สมชาติ วิศิษฐชัยชาญ คุณธัญญ์นิธิ อภิชัยโชติรัตน์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล คุณศิวัตร เชาวรียวงษ์ คุณบังอร สุวรรณมงคล เป็นต้น งานนี้มีนักการตลาดชั้นนำของไทยมาร่วมงานอย่างคับคั่ง รวมทั้งยังมีการร่วมงานออนไลน์เป็นครั้งแรกของงานวันนักการตลาดอีกด้วย

นายอนุวัตรกล่าวว่า “นับตั้งแต่ต้นปี 2020 เราทุกคนต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งเป็นมหาวิกฤตที่ไม่มีใครคาดคิด ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะจบอย่างไรแน่ และจะต้องเผชิญความท้าทายอะไรอีก ในห้วงเวลาแห่งความยากลำบาก เราได้เห็นถึงพลังของความคิดสร้างสรรค์ และพลังของการร่วมใจ ทุกๆ คน ทุกๆ องค์กร ในทุกๆ ธุรกิจ ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงสมอง และแรงใจ เพื่อที่จะพาธุรกิจของตน และพาชาติให้ข้ามผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ ผลกระทบของเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเปลี่ยนโลกของพวกเราไปตลอดกาล แต่ขอให้มองว่า ผลกระทบนั้นไม่ได้มีแค่เชิงลบ ในทุกๆ วิกฤตมีโอกาสใหม่ๆ เสมอ เพียงแต่ว่าเราจะมองเห็นมันหรือไม่

มหาวิกฤต Covid-19 ทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้

หลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอยู่เหนือจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นการ lockdown ทั่วโลก ที่ทำให้ทุกคนต้อง work from home, ร้านค้า-บริการต้องปิด การค้าขายในรูปแบบเดิมๆ ต้องหยุดชะงัก, การเดินทางข้ามประเทศต้องหยุดนิ่ง ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างประเทศกลายเป็นศูนย์ ความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตนั้นเกิดขึ้นอย่างมากมายมหาศาล และ impact ที่ยิ่งใหญ่นี้เองที่เป็นตัวจุดประกายในการ “กลายพันธุ์”


ผู้บริโภคคือผู้กลายพันธุ์กลุ่มแรก นับตั้งแต่การใช้ชีวิตไปจนถึงการทำงาน

Digital lifestyle ที่เคยเป็นแค่เทรนด์ใหม่ในกลุ่ม early adopter ก็ถูกนำมาใช้จริงเพื่อความอยู่รอด ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบ virtual workplace ที่ทุกคนต้องทำงานผ่านระบบ online อย่าง Zoom, Google Hangout, หรือ Microsoft Team จนถึงการ shopping หรือสั่งอาหาร online ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันของทุกคน จะเห็นได้ชัดจากสถิติการใช้งานของ Zoom ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์ยอดนิยมที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จากยอดการประชุมออนไลน์ 10 ล้านครั้งต่อวันในเดือนธันวาคม 2562 เป็น 300 ล้านครั้งต่อวันในเดือนมีนาคม 2563 โดยมีรายรับรวมสำหรับไตรมาส 2/2563 เพิ่มขึ้นถึง 355% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (Source: GlobeNewswire)

จากสถิติของ Facebook ในรายงาน Digital Consumers of Tomorrow, Here Today ได้ชี้ให้เห็นว่า เหตุการณ์โรคระบาดนี้เป็นตัวเร่งให้เกิดการกลายพันธุ์ของผู้บริโภค มาเป็น Digital native เต็มตัวภายในปีเดียว ทั้งๆ ที่เคยคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาถึง 5 ปี โดยในเอเชียจะมีผู้บริโภคที่เป็น Digital consumers ครบ 310 ล้านคน โดยที่เคยคาดการณ์ว่าตัวเลขนี้จะมาถึงในปี 2025 และในปีที่ผ่านมา online retail ในเอเชียตะวันออกกเฉียงใต้ได้มีการขยายตัวสูงมาก ผู้บริโภคไม่ใช่แค่เปลี่ยนที่ชอป แต่ยังมีความหลากหลายในการชอปออนไลน์มากขึ้น มีการเพิ่มของกลุ่มสินค้าใหม่ๆ ถึง 40% และที่โดดเด่นคือ สินค้า Groceries ที่ผู้บริโภคกว่า 43% เปลี่ยนนิสัยมาซื้อสินค้าเหล่านี้ทางออนไลน์

สิ่งนี้ทำให้ Next normal กลายเป็น now normal

เมื่อโลกของผู้บริโภคเปลี่ยน โลกการตลาดก็ต้องเปลี่ยนให้ไวกว่า หลายองค์กรพบว่าการ transformation อาจไม่ทันการณ์ในสถานการณ์เช่นนี้ การตลาดจะต้อง mutate หรือกลายพันธุ์ให้ทันลูกค้าและสภาวะที่เปลี่ยนแปลงแบบไม่คาดคิดอย่างทันท่วงที จึงเป็นที่มาของปรากฏการณ์ “Marketing Mutation” ซึ่งเป็นการกลายพันธุ์อย่างสร้างสรรค์ในหลากหลายธุรกิจ ซึ่ง The Marketing Mutation นั้นแบ่งออกเป็น 3 มิติ


มิติแรก ตัวนักการตลาดเอง ที่ต้องมีการ re-skill เพื่อ mutate เป็นนักการตลาดพันธุ์ใหม่ ปรับความรู้และแนวคิด เปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานแบบเดิมๆ เพิ่มความยืดหยุ่นพลิกแพลงเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยสมาคมการตลาดฯ อยากชี้ให้เห็นความสำคัญของ 4 แกนความรู้สำคัญ คือเรื่อง Strategic marketing การวางกลยุทธ์ที่ชัดเจนก่อนออกเดินทางในโลกธุรกิจ, Marketing Technology & Innovations การเรียนรู้ที่จะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้เพื่อสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่แตกต่าง, Storytelling การสื่อสารอย่างมีศิลปะ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในโลกที่เต็มไปด้วยสารจากหลายแบรนด์ และ Marketing integrity & Sustainability การเติบโตอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของธรรมาภิบาลที่ดี

มิติที่สอง คือ การ up-skill เปิดมุมมองใหม่ๆ ในการมองลูกค้าและ business model แบบนอกกรอบ เอาชนะข้อจำกัดด้วยการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการทำสิ่งที่ไม่เคยทำ โดยไม่ละทิ้งแก่นแท้และตัวตนของแบรนด์

มิติที่สาม คือการกลายพันธุ์ให้อยู่ร่วมกันเป็น ecosystem เมื่อมองไปในตลาด อย่าเห็นแต่คู่แข่งที่ต้องเอาชนะ แต่ให้มองหาพันธมิตรที่จะมาร่วมรบ โดยนำจุดแข็งของกันและกันมาต่อยอดบนแพลตฟอร์ม เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด เป็น end-to-end solution ให้แก่ลูกค้า

“ในวันนี้ แม้สถานการณ์ต่างๆ จะเริ่มคลี่คลาย แต่ก็ยังห่างไกลจากโลกธุรกิจแบบเดิมๆ ที่เราคุ้นเคย หลายๆ องค์กรยังคงไม่รู้ทิศทางที่จะเดินหน้าต่อไปในสถานการณ์ที่ยากจะคาดเดาว่าจะมีความท้าทายอื่นใดรออยู่หรือการฟื้นตัวจะเป็นในรูปแบบไหน แต่อย่างไรก็ดี หากนักการตลาดกลายพันธุ์ได้เก่ง มีวิสัยทัศน์แห่งการเปลี่ยนแปลง เน้นทั้งการสร้างผลลัพธ์ระยะสั้นเพื่อความอยู่รอด ควบคู่ไปกับการวางกลยุทธ์ให้ชัด และไม่ลืมมองไปข้างหน้า สร้างความยั่งยืนในระยะยาวผ่านการสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็งด้วย เห็นอกเห็นใจและความใส่ใจในความเดือดร้อนของลูกค้าและสังคม ผมเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้อย่างแน่นอน” นายอนุวัตรกล่าวทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น