ผู้จัดการรายวัน 360 - “อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้” ปูพรมขยายตลาดร้านสะดวกซัก สวนกระแสเศรษฐกิจ ผุดสาขากว่า 800 สาขาสวนกระแสโควิด-19 ชูจุดเด่นด้านคุณภาพและนวัตกรรมเหนือคู่แข่ง ตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนและผู้ใช้บริการ เร่งขยายไลน์การผลิตหนุนผู้ประกอบการเพิ่มศักยภาพเพิ่มช่องทางทำธุรกิจรับเทรนด์ “สะดวกซัก” โตกว่า 300%
นายสุกรี กีไร ผู้จัดการฝ่ายขายอาวุโส ประจำภูมิภาค บริษัท อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ซิสเต้มส์ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางของธุรกิจร้านสะดวกซักผ้าของไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนกระแสกับธุรกิจอื่นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วยโอกาสทางธุรกิจส่งผลให้ปัจจุบันมีจำนวนแบรนด์เข้ามาทำตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ตลาดมีความคึกคัก การที่มีหลายๆ แบรนด์ หรือการที่มีเฟรนไชส์จากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นการเปิดตลาดทำให้ธุรกิจนี้เป็นที่รู้จักเร็วขึ้น และที่สำคัญผู้บริโภคสามารถเข้ามาใช้บริการได้สะดวก มีทางเลือกมากขึ้น แต่สุดท้ายผู้ลงทุนก็จะเลือกลงทุนในสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับการลงทุน และผู้ใช้บริการก็จะเลือกใช้บริการร้านที่มีเครื่องซักผ้า-อบผ้าที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด
ล่าสุดบริษัทได้จัดงาน Wealth Investment 2020 : Digital Era by Alliance Laundry Systems ขึ้นเพื่อให้ความรู้ในการทำธุรกิจที่ถูกต้องสำหรับผู้ลงทุน และเป็นการสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายเราในการทำประชาสัมพันธ์ รวมทั้งจัดโปรโมชันข้อเสนอพิเศษเพื่อส่งเสริมการขาย และการที่เรามีโรงงานตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยใช้งบลงทุนไปกว่า 1,500 ล้านบาทนั้น เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าบริษัทฯ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในด้านของการซัปพลายเครื่องและอะไหล่ ผู้ลงทุนและผู้แทนจำหน่ายจึงสามารถมั่นใจกับ ALS ในเรื่องเครื่องและบริการหลังการขายที่จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน เรายังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ โดยได้เปิดตัวเครื่องซักผ้าอบผ้าหยอดเหรียญที่ใช้ระบบหน้าจอสัมผัส Touch Screen ทำให้ตัวเครื่องดูมีความเรียบหรู ง่ายต่อการใช้งาน ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ถึง 34 ภาษา พร้อมคำอธิบายในแต่ละฟังก์ชัน และสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านออนไลน์ได้ทันที รวมถึงการออกแบบเครื่องรุ่นใหม่ที่เรียกว่า Stax Combo เป็นเครื่องซักล่าง-อบบน ทำให้ประหยัดพื้นที่ภายในร้าน
ปัจจุบันภายใต้บริษัทอัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ซิสเต้มส์ มีด้วยกันทั้งหมด 5 แบรนด์ แต่ที่เป็นกลุ่มครื่องซักผ้า-อบผ้าหยอดเหรียญอุตสาหกรรมมีอยู่ถึง 4 แบรนด์ ได้แก่ Speed Queen®, Huebsch®, Primus® และ IPSO® จึงทำให้ตัวแทนจำหน่าย (Distributors) ของเราสามารถที่จะทำการแข่งขันได้อย่างเต็มที่ ลูกค้ามีทางเลือกที่จะวาง character หรือ design ร้านสะดวกซักของตัวเองให้โดดเด่น มีความแตกต่างไปจากร้านของคู่แข่งได้ตามความต้องการ
หลักๆ กลุ่มผู้บริโภคคนไทยมีความคุ้นเคยกับร้านซักผ้าหยอดเหรียญมาเป็นเวลาหลายสิบปี เพียงแต่วันนี้ถึงเวลาที่ทุกคนจะได้ใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่ได้มาตรฐาน ที่เป็นเครื่องซักผ้าอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ซึ่งมีความแตกต่างเป็นอย่างมากกับการนำเอาเครื่องซักผ้าตามบ้านมาดัดแปลงเป็นเครื่องยอดเหรียญในเรื่องของความสะอาด ความปลอดภัย และความคงทนของเครื่องซัก-อบผ้า ส่วนทางบริษัทเองก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้งานผ่านระบบ Mobile application การเพิ่มฟังก์ชันที่ user friendly เป็นต้น
“หลังจากเกิดสถานการณ์โควิค-19 ที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก กระแสของสุขอนามัยและการรักษาความสะอาดก็เริ่มกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง ลูกค้าให้ความสำคัญต่อเรื่องการดูแลความสะอาด Hygienic เป็นอย่างมาก ทำให้ทุกคนนำเสื้อผ้า หมอน ที่นอน ผ้าคลุมโซฟา และอีกเยอะแยะ มาซัก มาอบฆ่าเชื้อกัน ด้วยที่เครื่องเรามีการซักระบบน้ำร้อน และใช้อุณหภูมิที่สูงในการอบผ้า จึงสามารถฆ่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ผู้ประกอบการเล็งเห็นโอกาส จึงทำให้เกิดการขยายสาขาเป็นจำนวนมาก ทำให้ตัวแทนจำหน่ายเรามีคิวการติดตั้งยาวไป 3-4 เดือนข้างหน้า”
สำหรับภาพรวมตลาดร้านสะดวกซักของไทยในปัจจุบันมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 3,000 ล้านบาท จากแบรนด์ทั้งหมดในตลาด 16 แบรนด์ โดยทางบริษัท อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ซิสเต้มส์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 60% สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่าลูกค้าให้ความสนใจกับ ALS เป็นอันดับต้นๆ ในขณะที่แบรนด์อื่นๆ เฉลี่ยส่วนแบ่ง 40% ที่เหลือ รวมทั้ง 3 ไตรมาสของปีนี้ลูกค้าเราเปิดร้านมาแล้ว 412 สาขา เติบโตกว่า 200% ถ้าเทียบกับตัวเลขของปีที่แล้วทั้งปี ทำให้ปัจจุบันนี้ ALS มีลูกค้าเปิดร้านกับเราไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 655 ร้าน
“ทั้งนี้ คาดว่าภายในปี 2563 นี้บริษัทฯ จะสามารถขยายสาขาได้กว่า 1,000 สาขา ขณะนี้ถือได้ว่าเรากลายเป็นอันดับหนึ่งของธุรกิจร้านสะดวกซักในประเทศไทย เช่นเดียวกับบริษัทแม่ที่เป็นอันดับหนึ่งของโลก นอกจากส่วนแบ่งทางการตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 10% ในปีหน้า บริษัทฯ ตั้งเป้าไว้ว่าอีก 2 ปีข้างหน้าร้านสะดวกซักจะต้องครอบคลุมทั่วทั้ง 77 จังหวัด และเริ่มกระจายเข้าสู่อำเภอใหญ่ๆ มากขึ้นได้อย่างแน่นอน” นายสุกรีกล่าว