xs
xsm
sm
md
lg

จับตาตลาดแรงงานปี 64 ยังเปราะบาง แรงงานอายุ 45-50 ปี-เด็กจบใหม่เร่งปรับตัว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สภาองค์กรนายจ้างฯ คาดปี 2564 ตลาดแรงงานไทยยังคงเปราะบาง แม้เศรษฐกิจจะดีขึ้นแต่ค่อยๆ ฟื้นตัว นายจ้างยังมุ่งเน้นรัดเข็มขัดเพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอด การจ้างงานแรงงานใหม่ยังต่ำ จับตาแรงงานอายุ 45-50 เสี่ยงถูกเออร์ลีรีไทร์สูงขึ้น แรงงานที่ตกงานปัจจุบันอาจตกถาวร และแรงงานเด็กจบใหม่ ก.พ. 64 อีก 5 แสนคนส่อเคว้ง

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มปี 2564 ตลาดแรงงานของไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบางตามทิศทางเศรษฐกิจที่จะค่อยๆฟื้นตัวและยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนสูงจากโควิด-19 ส่งผลให้แรงงานไทยที่มี 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ 1.  แรงงานในตลาดแรงงานปัจจุบัน 2. แรงงานที่ตกงาน และ 3. แรงงานใหม่ที่เตรียมเข้าสู่ตลาดแรงงานยังคงต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสูง เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต่างต้องเร่งปรับลดรายจ่ายลงเพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอด

ปัจจุบันอัตรากำลังแรงงานไทยขณะนี้มีราว 37 ล้านคน 50% เป็นแรงงานในระบบประกันสังคมซึ่งมีแนวโน้มว่าแรงงานที่จะถูกปรับเปลี่ยน ได้แก่ แรงงานอายุ 45-50 ปีมีทิศทางที่จะถูกให้เข้าโครงการสมัครใจลาออก (เออร์ลีรีไทร์) มากขึ้น และแรงงานเหล่านี้เมื่อเข้าโครงการแล้วจะไม่ปรากฏเป็นผู้ว่างงานในการจัดเก็บสถิติว่างงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ยึดคำนิยามขององค์กรแรงงานระหว่างประเทศที่ยังคงไม่ปรับเปลี่ยน นอกจากนี้ แรงงานที่มีอายุการทำงานเพียง 1 ปีก็เป็นเป้าหมายในการลดจำนวนคนของนายจ้างเช่นกันเนื่องจากมองว่ามีประสบการณ์น้อยและจ่ายชดเชยต่ำ

ส่วนแรงงานที่ตกงานอยู่แล้วกำลังจะกลายเป็นปัญหาหนัก อาจกลายเป็นแรงงานที่ตกงานถาวรหากรัฐบาลไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะเข้ามาดูแลเพิ่มเติม ส่วนแรงงานใหม่ซึ่งเป็นเด็กจบใหม่ที่คาดว่าจะเข้ามาอีกในช่วง ก.พ. 64 ราว 5 แสนคนจะส่งผลให้เมื่อรวมกับเด็กที่จบไปแล้วปี 2563 แต่ยังไม่มีงานทำประมาณเกือบ 4 แสนคนจะสะสมราว 9 แสนคน แม้ว่าแรงงานบางส่วนที่อาจจะมีจ้างเพิ่มในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลแต่คาดว่ายังคงมีไม่มากนัก โดยอาจเป็นไปได้ในการเพิ่มขึ้นมากในปี 2565-66 แต่กระนั้น เด็กที่กำลังเรียนอยู่ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นสาขาที่ไม่ตรงต่อความต้องการตลาดอยู่ดี

“แรงงานภาพรวมต้องเร่งแสวงหาองค์ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะอายุ 40 ปีขึ้นไปต้องเร่งเพิ่มทักษะความรู้ใหม่ๆ หรือไม่ก็ต้องมองหาอาชีพเสริมไว้สำรองในอนาคต ขณะที่การศึกษาต้องเร่งปรับให้สอดรับกับโลกที่จะเปลี่ยนไปเพื่อให้แรงงานตรงต่อความต้องการตลาดในอนาคต โดยปี 2564 คาดว่าอัตราการว่างงานของแรงงานไทยยังคงสะสมอยู่ในระดับ 2.9 ล้านคนปรับตัวลดลงเล็กน้อยตามทิศทางเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวมากขึ้น แต่จะเป็นลักษณะของการค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังคงมีอยู่ ซึ่งจะส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยที่อาศัยการท่องเที่ยวจากต่างชาติเป็นหลักยังคงอยู่ในภาวะที่ชะลอตัวเช่นเดิม” นายธนิตกล่าว

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการค้าโลกในสัดส่วนที่สูง ทั้งท่องเที่ยว ส่งออก การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจโลกปี 2564 แม้หลายฝ่ายต่างคาดว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2563 แต่ความไม่แน่นอนก็ยังคงมีสูงเมื่อการระบาดของโควิด-19 เริ่มกลับมาอีกครั้ง ซึ่งแม้ว่าจะมีข่าวดีวัคซีนแต่ก็ยังต้องรอผลพิสูจน์ที่จะสร้างความเชื่อมั่นอีกระยะหนึ่ง ประกอบกับหากพิจารณาจากอัตราการใช้กำลังผลิต (CUP) ของภาคอุตสาหกรรมไทยเฉลี่ย 63-65% จากที่ต่ำสุดราว 52% แต่ก็ยังคงเป็นอัตราการผลิตที่ทำให้ผู้ประกอบการหรือนายจ้างไม่คิดที่จะเพิ่มอัตรากำลังคนแต่อย่างใด และยังคงดำเนินนโยบายรัดเข็มขัดเพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอดเป็นหลัก
กำลังโหลดความคิดเห็น