“คมนาคม” คาดหยุดยาว 18-22 พ.ย. ปชช.เดินทางด้วยรถสาธารณะระหว่างจังหวัด เพิ่มขึ้น 6.22% หรือ 2.1 ล้านคน ส่วนใน กทม. มี 8.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.38% สั่งหยุดก่อสร้างเปิดพื้นที่จราจร แก้คอขวด และลด PM 2.5
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางช่วงวันหยุดต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ว่า ช่วงวันหยุดต่อเนื่อง 5 วัน ระหว่างวันที่ 18-22 พฤศจิกายน 2563 คาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้น โดยการเดินทางในกรุงเทพฯ คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 6.38% หรือ 8.2 ล้านคน และการเดินทางระหว่างจังหวัด คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 6.22% หรือ 2.1 ล้านคน
ทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้วางแผน จัดเตรียม และเพิ่มจำนวนขนส่งสาธารณะให้เพียงพอต่อการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ทั้งยังคงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างเคร่งครัด และกำหนดราคาค่าโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภทให้เป็นมาตรฐาน
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในช่วงวันหยุดยาว เช่น กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ให้หยุดงานก่อสร้าง และคืนผิวจราจรให้มากที่สุด และให้ประสานกองบังคับการตำรวจทางหลวงประชาสัมพันธ์แจ้งระยะจุดพักรถล่วงหน้า ให้รถยนต์ที่ไม่ใช้จุดพักรถ (Rest Area) ใช้ช่องทางด้านขวา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดเป็นคอขวดบริเวณดังกล่าว
นอกจากนี้ ให้ ทล. และ กทพ.เปิดช่องเก็บเงินทุกช่อง และติดป้ายไวนิลประชาสัมพันธ์ประชาชนให้ชัดเจน
ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประสานกระทรวงมหาดไทย จัดกำลังพลอำนวยความสะดวกประชาชนบริเวณจุดตัดทางรถไฟ หรือทางลักผ่าน เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุและอำนวยความสะดวกประชาชนที่ไม่ชำนาญเส้นทางในช่วงเทศกาลหรือตามความเหมาะสมของพื้นที่
ส่วนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของภาคคมนาคมขนส่งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น ให้ดำเนินมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเชิงพื้นที่กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ปล่อยละอองน้ำดักฝุ่น โดยขอให้ทุกหน่วยงานที่กำกับดูแลเข้มงวดผู้รับเหมาฉีดน้ำ และรักษาความสะอาด ช่วงสถานการณ์วิกฤตในเดือนธันวาคม 2563-เมษายน 2564
ส่วนมาตรการระยะสั้น ในปี 2563-2564 บำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตรวจสภาพรถของหน่วยงานทุกเดือน
มาตรการระยะกลาง ในปี 2565-2569 เปลี่ยนเครื่องยนต์รถของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ เป็นพลังงานสะอาด และมาตรการระยะยาว ในปี 2570-2575 เปลี่ยนเครื่องยนต์รถโดยสารสาธารณะเป็นพลังงานสะอาด หรือ EV ทั้งหมด
ในส่วนของการดำเนินงานแก้ปัญหาระบบโดยสารสาธารณะ ที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้ดำเนินการ 1. บำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตรวจสภาพรถของหน่วยงานทุกเดือน หรือเป็นประจำ 2. ปรับปรุงคุณภาพน้ำมันของรถ เรือ และรถไฟสาธารณะ 3. แก้ปัญหาการจราจรติดขัด 4. ลดปริมาณฝุ่นละออง และ 5. แต่งตั้งคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ของภาคคมนาคม