“กพช.” ไฟเขียวโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน นำร่อง 150 เมกะวัตต์ ใช้ระบบ FiT บิดดิ้งเฉพาะเงินลงทุนโรงไฟฟ้ากางไทม์ไลน์ ม.ค. 64 ขายซอง ก.พ. ให้เอกชนยื่น มี.ค.คัดเลือก พร้อมไฟเขียวงบกองทุนอนุรักษ์ปี 64 วงเงินรวม 6,500 ล้านบาท ดึง 2,400 ล้านบาทส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานรากลง 76 จังหวัดเร่งจ้างงาน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า กพช.ได้เห็นชอบโครงการนำร่องโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก 150 เมกะวัตต์ โดยจะเปิดรับซื้อไฟฟ้ารูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) โดยการแข่งขันด้านเงินลงทุนไฟฟ้าไม่รวมค่าเชื้อเพลิง คาดว่าจะประกาศหลักเกณฑ์เพื่อขายซองประกวดราคาภายใน ม.ค. 2564 จากนั้น ก.พ. 64 จะให้เอกชนยื่นข้อเสนอและคัดเลือกโครงการในเดือน มี.ค. 64
“เราทำชีวมวลมาหลายปี เราไม่เคยไล่ต้นตอวัตถุดิบที่มาเป็นเชื้อเพลิงอย่างแท้จริง แต่นี่จะป็นครั้งแรกที่เราอยากเห็นเกษตรกรได้รับประโยชน์ที่แท้จริง แล้วยังกำหนดให้มีการปลูกทดแทนอย่างสม่ำเสมอในการผลิตไฟฟ้า และยังเป็นการทดลองด้วยว่าไทยที่มีศักยภาพการเกษตรจะดำเนินการในเรื่องพืชพลังงานได้มากน้อยเพียงใดเพื่อนำไปสู่ประเทศในด้านผู้นำพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาด ซึ่งหากพบว่าไปได้เราก็จะเดินหน้ารับซื้อเพิ่มต่อไป” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
สำหรับกำลังผลิต 150 เมกะวัตต์ จะแบ่งเป็นการรับซื้อจากเชื้อเพลิง (ชีวมวล 75 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพ 75 เมกะวัตต์ โดยใช้ชีวมวลและก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน ผสมน้ำเสีย/ของเสีย ≤ 25%) แบ่งเป็นชีวมวล มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายไม่เกิน 6 เมกะวัตต์ต่อโครงการ และก๊าซชีวภาพไม่เกิน 3 เมกะวัตต์ต่อโครงการ ทั้งนี้ มีกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (SCOD) ภายใน 36 เดือน นับถัดจากวันลงนามในสัญญาฯ ส่วนการแบ่งปันผลประโยชน์ เช่น การให้หุ้นบุริมสิทธิ 10% แก่วิสาหกิจชุมชน หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน (ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลถูกต้องตามกฎหมาย) ซึ่งเป็นผู้ปลูกพืชพลังงานให้แก่โรงไฟฟ้า การให้ผลประโยชน์อื่นๆ ให้โรงไฟฟ้าและชุมชนทำความตกลงกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม
สำหรับอัตรา FiT ชีวมวลมากกว่า 3 เมกะวัตต์ 4.26 บาทต่อหน่วย น้อยกว่า 3 เมกะวัตต์ 4.84 บาทต่อหน่วย ส่วนก๊าซชีวภาพ 4.72 บาทต่อหน่วย เป็นสัญญาซื้อขายระยะ 20 ปี
นอกจากนี้ กพช.ยังเห็นชอบแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2564 ในวงเงิน 6,500 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก จำนวน 2,400 ล้านบาท ที่จะมุ่งเน้นกระจายไปยัง 76 จังหวัด กรอบวงเงินประมาณ 25 ล้านบาทต่อจังหวัด ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าโครงการมีประสิทธิภาพหรือไม่
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า คาดว่าจะเปิดให้ยื่นขอสนับสนุนงบ ก.พ.-มี.ค. 64 อนุมัติการใช้งบได้ราว เม.ย. 63 อย่างไรก็ตาม การจัดสรรงบฯ ในส่วน 2,400 ล้านบาทจะต้องเสนอผ่านคณะกรรมการบูรณาการท้องถิ่น มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานพิจารณากลั่นกรองก่อนที่จะเสนอมายังส่วนกลาง โดยงบนี้จะเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก อาทิ จ้างงานบัณฑิตจบใหม่ในการสำรวจการสูบน้ำการเกษตร ซึ่งหลังจากนี้รัฐมนตรีพลังงานและมหาดไทยก็จะต้องหารือกันเพื่อบูรณาการทำงานร่วมกัน