มร.แดเนียล ไลน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จอห์นสัน เฮลธ์ เทค (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท จอห์นสัน เฮลธ์ เทค ประเทศไทย จำกัด ภายใต้ Johnson Health Tech เป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องออกกำลังกายอันดับ 1 ของเอเชียที่ตอบโจทย์ทุกการออกกำลังกายยาวนานกว่า 40 ปี ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่หลากหลาย อย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งที่ฟิตเนส และที่บ้าน ซึ่งปัจจุบันมีแบรนด์หลัก คือ เมทริกซ์ ซึ่งเป็นแบรนด์อุปกรณ์ออกกำลังกายระดับพรีเมียม มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายขยายไปแล้วทั่วโลกกว่า 30 ประเทศ โดยในประเทศไทยเริ่มจัดจำหน่ายเมื่อปี 2005 ซึ่งผ่านการตอบรับที่ดี มีการเติบโตเฉลี่ยในไทย 15-20% และคาดว่าจะโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10% ในสิ้นปี 2563 เช่นกัน
“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้คนไทยตื่นตัวกับเทรนด์การรักษาสุขภาพกันมากขึ้น จึงส่งผลให้บริษัทฯ มียอดจำหน่ายอุปกรณ์การออกกำลังกายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องกับทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อตอบรับกับเทรนด์ดังกล่าว บริษัทฯ จึงเดินหน้าสานต่อความสำเร็จของแบรนด์ เมทริกซ์ โดยมอบประสบการณ์การออกกำลังกายที่ล้ำยิ่งกว่า ด้วยผลิตภัณฑ์ออกกำลังกายด้านคาดิโอซีรีส์ล่าสุด อย่าง Metrix New Cardio 2020 ที่ถูกพัฒนาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่สหรัฐอเมริกา โดยได้รวมเทคโนโลยีและดีไซน์เพื่อให้ตอบโจทย์การออกกำลังกายอย่างสมบูรณ์แบบ แบ่งเป็น 3 ซีรีส์ ได้แก่ Performance series เครื่องออกกำลังกายที่มีลักษณะการใช้งานหนัก เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น โครงการอสังหาริมทรัพย์ หน่วยงานราชการ และโรงแรมขนาดใหญ่, Endurance series เครื่องออกกำลังกายสำหรับลูกค้าที่มีพื้นที่จำกัด และ Lifestyle series เครื่องออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับลูกค้าที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก หรือสำหรับใช้ภายในบ้าน ซึ่งในแต่ละซีรีส์จะมีอุปกรณ์การออกกำลังกายที่หลากหลายรูปแบบ เช่น Performance treadmill ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยในเรื่องของการถนอมหัวเข่าขณะวิ่งออกกำลังกาย มาพร้อมล้อจำนวน 4 ล้อ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเคลื่อนย้าย และเพิ่ม Multi - Grip Handle bar สำหรับการออกกำลังมากขึ้น รวมถึงยังมีหน้าจอ LED แสดงผล Touch ขนาด 16 นิ้ว และครั้งแรกของธุรกิจเครื่องออกกำลังกาย กับ Touch XL หน้าจอขนาด 22 นิ้วที่รองรับความบันเทิง และโซเชียลมีเดียหลากหลายแอปพลิเคชัน เช่น YouTube, Netflix, Facebook และ Instagram เป็นต้น โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2564 เจาะกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ คลับสุขภาพ โรงแรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 นี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากการพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มเป้าหมายอย่างซีรีส์ล่าสุด พร้อมทั้งการทำตลาดในกลุ่ม B2B ผ่านทางผลิตภัณฑ์แบรนด์ต่างๆ ในเครือ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนลูกค้าที่เป็นภาคธุรกิจ หรือสถานประกอบการคิดเป็น 40% พร้อมกับเพิ่มคุณภาพการบริการหลังการขาย ซึ่งเรามั่นใจว่าคุณภาพ และความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Matrix ประกอบกับการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวทั้ง โรงแรม รวมถึงธุรกิจฟิตเนสที่คาดว่าจะมีการฟื้นตัวในปีหน้าเนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะสามารถทำให้ยอดขายมีการเติบโตต่อเนื่องได้” มร.แดเนียลกล่าว