กพท.ออกประกาศฉบับที่ 4 กำหนดแนวปฏิบัติสำหรับเครื่องบินเช่าเหมาลำระหว่างประเทศที่มีผู้โดยสารเปลี่ยนลำ มีผลตั้งแต่ 27 ต.ค. กำหนดเส้นทางและพื้นที่แยกเฉพาะของสนามบิน เปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารไม่เกิน 2 ชม.เพื่อลดโอกาสสัมผัสเชื้อ
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม นายศรัณย เบ็ญจนิรัตน์ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือ กพท. ได้ลงนามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง เงื่อนไขในการอนุญาตให้อากาศยานทำการบินเข้าออกประเทศไทย (ฉบับที่ 4) โดยมีสาระสำคัญคือ เพิ่มเงื่อนไขการอนุญาตทำการบินของอากาศยาน จากฉบับที่ 2 และ 3 คือ "อากาศยานเช่าเหมาลำระหว่างประเทศ (Charter flight) ที่มีผู้โดยสารเปลี่ยนลำ (Transfer Passenger)" โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับมติที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2563
โดยมีแนวปฏิบัติสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศแบบมีผู้โดยสารเปลี่ยนลำ (Transfer Passenger)
1. ต้องเป็นการต่อเครื่อง (Transfer) ระหว่างเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) เท่านั้น
2. จัดให้มีการกำหนดเส้นทาง (Seal Route) และพื้นที่เฉพาะสำหรับการเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสาร โดยจะแบ่งแยกพื้นที่การใช้งานออกจากบริเวณอื่นๆ ของสนามบิน
3. กำหนดเวลาสูงสุดไม่เกิน 2 ชม.ในการเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารระหว่างเที่ยวบิน (Maximum Transfer Time) หรือใช้เวลาให้น้อยที่สุด เพื่อลดโอกาสการรับสัมผัสเชื้อในอาคารให้น้อยที่สุด
4. ลูกเรือและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องป้องกันตนเองโดยการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment : PPE) และปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด
5. สายการบินจะต้องปฏิบัติตามประกาศของ กพท. เรื่อง แนวปฏิบัติในการให้บริการผู้โดยสารสำหรับเส้นทางการบินระหว่างประเทศในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประกาศ ณ วันที่ 16 กรกฎาคม 2563
สำหรับเที่ยวบินพาณิชย์แบบปกติ (Commercial flight) ยังไม่ได้รับอนุญาตให้บินเข้าไทย