ผู้จัดการรายวัน 360 - โควิด-19 กระทบหนัก หลายโรงแรมเริ่มถอดใจแห่ขายกิจการ AWC เล็งตั้งกองทุนนับหมื่นล้านหาผู้ร่วมทุนสานต่อหลังผู้ประกอบการกว่า 100 แห่งอยากให้เทกโอเวอร์ ส่วนแผนเดิม 5 ปียังเหลืออีก 12 โปรเจกต์ ล่าสุดเปิดบริการโรงแรมบันยันทรี กระบี่
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบไปทั่ว โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบอย่างหนัก และกว่าจะฟื้นตัวได้ต้องใช้เวลาอีกเป็นปี ซึ่งผู้ประกอบการโรงแรมหลายรายอาจจะไปต่อไม่ไหว ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการโรงแรมกว่า 100 แห่งติดต่อให้ทาง AWC เข้าเทกโอเวอร์ ทางบริษัทจึงมองเป็นโอกาสทางธุรกิจ จึงมีแนวคิดตั้งกองทุนขึ้นมามูลค่าหลักหมื่นล้านบาทขึ้นไปเพื่อดึงนักลงทุนที่สนใจร่วมทุนในธุรกิจโรงแรม คาดว่าจะจัดตั้งและดำเนินการได้ช่วงต้นปีหน้า
“แนวคิดการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาครั้งนี้มองเป็นโอกาส เพียงนำเอาอสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์เหล่านั้นมารีโนเวตใหม่น่าจะทันหรือเป็นจังหวะเดียวกับช่วงท่องเที่ยวฟื้นตัวพอดี เร็วกว่าถ้าต้องพัฒนาหรือสร้างโรงแรมใหม่เอง กองทุนนี้แม้จะตั้งขึ้นมาเพื่อมุ่งเทกโอเวอร์โรงแรม แต่อีกมุมเป็นการช่วยให้ธุรกิจโรงแรมไม่ล้มหายไปทั้งระบบ ซึ่งตั้งแต่มีโควิด-19 มีผู้ประกอบการกว่า 100 แห่ง ทั้งกลุ่มโรงแรม รวมถึงค้าปลีกอีก 5-6 แห่งต้องการให้ AWC เข้าซื้อกิจการ แต่มีเพียง 30 แห่งในทำเลศักยภาพทั้งในกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา ในการปรับแผนและยกระดับให้เป็นโรงแรมหรูตามความถนัดของ AWC ได้”
ในส่วนของแอสเสทเองนั้น จากแผน 5 ปี มูลค่าการลงทุนกว่า 50,000 ล้านบาท รวมกว่า 30 โคงการ ดำเนินการแล้วเสร็จ 18 โครงการ ยังเหลืออีก 10+ โปรเจกต์ที่จะดำเนินการต่อ (โดย 2 โปรเจกต์นั้นยังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าอาจจะเป็นมิกซ์ยูส) แต่ช่วงโควิด-19 ต้องดูสถานการณ์ไปก่อน จึงต้องเลื่อนแผนก่อสร้างออกไปอย่างน้อย 1 ปี แต่กลยุทธ์ต่างๆ ยังคงปกติ
ล่าสุดเปิดให้บริการโรงแรมบันยันทรี กระบี่ ลักชัวรีรีสอร์ตหรูบนชายหาดทับแขก จังหวัดกระบี่ นับเป็นโรงแรมแห่งแรกของ AWC ในจังหวัดกระบี่บนทำเลทองติดที่ดินอุทยานแห่งชาติเขาหงอนนาค
“โรงแรมบันยันทรี กระบี่ ลงทุนไปกว่า 2,000 ล้านบาท พื้นที่ 26 ไร่ ส่งผลให้บริษัทมีโรงแรมที่เปิดดำเนินการเพิ่มจาก 17 แห่ง เป็น 18 แห่ง ด้วยจำนวนห้องพักจาก 4,869 ห้อง เป็น 4,941 ห้อง ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในกระแสเงินสดจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) ด้วยการสร้างความหลากหลายให้แบรนด์พอร์ตโฟลิโอของบริษัท เสริมขีดความสามารถในการสร้างประสบการณ์ที่มีลักษณะเฉพาะให้แก่นักท่องเที่ยว อีกทั้งเป็นการสร้างความแปลกใหม่ในการผลักดันการท่องเที่ยวในประเทศ ไทยเที่ยวไทย พร้อมสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทในตำแหน่งผู้นำของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
การลงทุนครั้งนี้เป็นการขยายธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ท่ามกลางความท้าทายครั้งใหญ่ตลอดเวลาที่ผ่านมาของปี 63 นี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนถึงศักยภาพ และความแข็งแกร่งของ AWC และการสร้างสรรค์ลักชัวรีรีสอร์ตแห่งนี้นับเป็นการเสริมกำลังความร่วมมือกับกลุ่มบันยันทรี และเป็นการสร้างขีดการแข่งขัน รวมทั้งยกระดับการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ที่ไม่มีการเปิดตัวรีสอร์ตระดับลักชัวรีใหม่มานานกว่าทศวรรษ ตอกย้ำชื่อเสียงของประเทศไทยอีกครั้งในฐานะสุดยอดจุดมุ่งหมายด้านการท่องเที่ยวทางทะเล และชายหาดระดับโลก”
นางวัลลภากล่าวเสริมด้วยว่า สำหรับจังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยวที่โดดเด่นมายาวนาน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ด้วยการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับการคมนาคมและการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการขยายสนามบินนานาชาติกระบี่เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 8 ล้านคนต่อปี เพิ่มจาก 4 ล้านคนต่อปีในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2565 โครงการโครงข่ายเชื่อมโยงเส้นทางเดินเรือภูเก็ต-พังงา-กระบี่ หรือ “วงแหวนแห่งอันดามัน” ของกรมเจ้าท่า โดยการเปิดเส้นทางเดินเรือเฟอร์รี 5 เส้นทางเพื่อเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างภูเก็ต พังงา กระบี่ เกาะลันตา และเกาะอื่นๆ ในพื้นที่ข้างเคียง และโครงการรถไฟรางคู่สายใหม่ เส้นทางภูเก็ต พังงา และสุราษฎร์ธานี เป็นต้น