xs
xsm
sm
md
lg

“ค้าปลีก” จัดเต็มรับ “ช้อปดีมีคืน”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด - ค้าปลีกจัดเต็มแคมเปญ โปรโมชันลดราคารับมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ฟื้นบรรยากาศการชอปปิ้งช่วงปลายปีสู้โควิด-19 ที่จะปลุกมู้ดผู้บริโภคมาจับจ่าย ผู้ประกอบการชี้ดีกว่าไม่มีมาตรการกระตุ้นอะไรเลย

หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติมาตรการ โครงการกระตุ้นการจับจ่ายในประเทศเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมนั้น ประกอบด้วย 1. มาตรการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ที่จะให้ประชาชนประมาณ 14 ล้านคน, 2. มาตรการคนละครึ่ง เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน และ 3. มาตรการช้อปดีมีคืน โดยให้ผู้บริโภคที่ใช้จ่ายซื้อสินค้าตามเงื่อนไขมาหักลดหย่อนภาษีได้ จำนวน 30,000 บาท

ทั้งนี้ มาตรการเริ่มวันแรกวันที่ 23 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา จะจบโครงการวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งช้อปดีมีคืนนี้มีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 หลักเกณฑ์ ดังนี้ 1. ผู้มีเงินได้ต้องไม่ได้รับสิทธิตามโครงการคนละครึ่ง หรือโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, 2. ค่าสินค้าหรือค่าบริการ ไม่รวม 1) ค่าสุรา เบียร์ และไวน์ 2) ค่ายาสูบ 3) ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ 4) ค่ารถยนต์ จักรยานยนต์ และเรือ 5) ค่าหนังสือพิมพ์และนิตยสารและค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 6) ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ 7) ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม, 3. ผู้มีเงินได้ต้องจ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับใบกำกับภาษีเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่ในส่วนค่าซื้อหนังสือและค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนต่อกรมพัฒนาชุมชนแล้ว

ทั้งนี้ จากฐานข้อมูลผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2561 คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิประมาณ 3.7 ล้านคน ซึ่งรัฐจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประมาณ 14,000 ล้านบาท แต่เป็นการแลกกับการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศในช่วงปลายปี 2563 คาดว่าจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมูลค่าประมาณ 111,000 ล้านบาท และคาดว่าจะช่วยให้ GDP เพิ่มขึ้นประมาณ 0.30%

แน่นอนว่าบรรดาธุรกิจห้างร้านค้าปลีกต่างๆ ก็ต้องหวังผลกับมาตรการนี้ไม่มากก็น้อย เพราะดีกว่าไม่มีอะไรมากระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคเลย และช่วงเวลาดังกล่าวก็คือไตรมาสสุดท้ายของปีที่เป็นเวลาช่วงจับจ่ายที่สำคัญด้วย


นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้าเพาเวอร์มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวให้ความเห็นว่า มาตรการนี้น่าจะส่งผลดีบ้างดีกว่าที่ไม่มีมาตรการอะไรออกมาเลย ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง หลังจากที่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมถึงขณะนี้ตกลงไปมากกว่า 17% แล้วในช่วง 3 ไตรมาสแรกปีนี้ และคาดว่าทั้งปีนี้ตลาดรวมจะตกลง 10% จากมูลค่าตลาดปีที่แล้วที่มีประมาณ 240,000 ล้านบาท เหลือประมาณ 200,000 ล้านบาท

ขณะที่เพาเวอร์มอลล์จัดงาน เพาเวอร์มอลล์ อิเลคโทรนิก้า โชว์เคส ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2563 ที่เพาเวอร์มอลล์ทุกสาขา อย่างน้อยก็เปฺ็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับมาตรการนี้พอดี ซึ่งนายจักรกฤษณ์มองว่างานนี้เป็นการกระตุ้นตลาดรวมให้คึกคัก เพราะจะมีสินค้าใหม่สินค้านวัตกรรมมาจัดแสดงและจำหน่ายมากมาย โดยใช้งบจัดงานมากกว่า 120 ล้านบาท และคาดหวังจะสร้างเงินสะพัดในงาน 1,000 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วทำได้ประมาณ 800 ล้านบาทช่วงการจัดงาน และน่าจะได้รับอานิสงส์ส่วนหนึ่งจากมาตรการช้อปดีมีคืนด้วย 

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวให้ความเห็นว่า มาตรการช้อปดีมีคืนคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายได้ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วงนี้เป็นจังหวะเดียวกับการออกสินค้าใหม่ๆ หลังจากที่ผ่านมาคนระมัดระวังในการใช้จ่ายเงิน

นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวถึงมาตรการนี้ว่า เป็นการช่วยกระตุ้นการจับจ่ายเพื่อเกิดพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไป


ผู้จัดการรายวัน 360 นำเสนอถึงบรรดาค้าปลีกที่ออกแคมเปญโปรโมชันมาเพื่อตอบรับการชอปปิ้งดังกล่าวอย่างคึกคัก

นายสเตฟาน จูเบิร์ท Head of Integrated Brand Communications บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรบินสันเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระค่าใช้จ่ายนักชอป ผ่าน 2 แคมเปญ ‘ช้อปดีมีคืน’ ที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรร้านอาหาร – ร้านค้าชั้นนำมากกว่า 200 ร้าน เข้าร่วมแคมเปญ “คนละครึ่ง” ที่ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟโปรโมชันลดทั้งห้างฯ และศูนย์การค้าฯ สูงสุด 50% และโปรโมชันอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นเดสติเนชันที่จะช่วยกระตุ้นและรองรับการจับจ่ายของนักชอปในทุกเซกเมนต์ในทุกๆ ภูมิภาคของไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไตรมาส 4 ให้คึกคักมากขึ้น

สำหรับความพิเศษของแคมเปญ ‘ช้อปดีมีคืน’ ซึ่งเป็นแคมเปญฯ ที่ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายในประเทศช่วงปลายปีสำหรับบุคคลที่เสียภาษีเงินได้ โดยเป็นการลดหย่อนภาษีประจำปี 2563 ที่จะมีการยื่นในเดือนมีนาคม 2564 จากการนำค่าซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษีเงินได้ตามจำนวนจ่ายจริง ไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน และคืนภาษีให้นักชอปสูงสุด 10,500 บาท ซึ่งเงินภาษีที่จะได้คืนของแต่ละคนนั้นจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเงินได้และอัตราภาษีที่แต่ละคนต้องจ่าย 


ในส่วนของโรบินสันตอบโจทย์ลูกค้าทั้งกลุ่มครอบครัว กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มวัยรุ่น และโดยเฉพาะกลุ่ม Gen M (Millennial Generation) ซึ่งเป็นกลุ่มนักชอปที่มีกำลังซื้อ และมีศักยภาพในการจับจ่ายมากในปัจจุบัน ที่จะได้รับความคุ้มค่ามากมาย ทั้งได้ชอปสินค้าราคาดีที่โรบินสัน และยังสามารถนำใบเสร็จไปรับบริการออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ได้ที่จุดบริการลูกค้า ณ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน 49 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2563
 
นอกจากนี้ โรบินสันยังมีโปรโมชันพิเศษเพิ่มเติม ตั้งแต่วันนี้-3 พฤศจิกายน 2563 คือ สมาชิกเดอะวันรับคูปองและของสมนาคุณจากแบรนด์ รวมมูลค่ากว่า 5,000 บาท เมื่อชอปครบ 1,500 บาท, สินค้าแบรนด์ชั้นนำ ลดราคาพิเศษกว่า 50% ในช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตลอดรายการ, รับอภิสิทธิ์จากเดอะวัน และบัตรเครดิตชั้นนำ ลดและรับคืน รวมสูงสุด 30% เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย ลดเพิ่ม 25% เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เมื่อใช้คะแนนเท่ายอดชอป 

นายสเตฟานกล่าวด้วยว่า ส่วนความพิเศษของแคมเปญ “คนละครึ่ง” ที่ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 24 สาขาทั่วประเทศ ทางศูนย์การค้าฯ ได้ร่วมมือกับพันธมิตรร้านอาหาร-ร้านค้าชั้นนำมากกว่า 200 ร้าน ตอบรับร่วมโครงการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ชิม ช้อป ลด 50% สูงสุด 3,000 บาท โดยทางรัฐบาลจะช่วยจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป 50% เฉพาะร้านอาหาร เครื่องดื่ม และร้านสินค้าทั่วไปขนาดเล็กที่ร่วมรายการภายในศูนย์การค้าฯ ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2663 ประกอบด้วย


1. อาหาร ขนม และเครื่องดื่มมากกว่า 60 ร้านค้า เช่น ร้านมหาชัยไอศกรีม, กล้วยปิ้งสองพี่น้อง, 9 เหนียวนุ่ม, Cheesy Fried Snack, ไจแอ้นลูกชิ้นปลาระเบิด, ชามิจิ ฯลฯ

2. ชอปปิ้ง สินค้าดีมีคุณภาพ ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น, แอ็กเซสซอรี, อุปกรณ์สมาร์ทโฟน เช่น ร้านนานาดีไซน์, Bonjour Jewelry & La Masion, โมเดลการ์ตูน, อุปกรณ์สมาร์ทโฟน เช่น ร้าน K.S. Mobile, Kanda Service, เอสพีโมบาย เป็นต้น

ส่วนบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารซูเปอร์มาร์เกต ก็ขานรับนโยบายรัฐบาล ร่วมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ช้อปดีมีคืน” ชวนลูกค้าชอปสินค้าภายในร้าน ท็อปส์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท, มัทสึโมโตะ คิโยชิ ทุกสาขา และท็อปส์ ออนไลน์ รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 30,000 บาท ตามมาตรการของรัฐตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.-31 ธ.ค. 63
โดยช้อปดีมีคืน ประหยัดสุดคุ้มถึง 3 ต่อ

• คุ้มที่ 1 ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 30,000 บาท เพียงแสดงใบเสร็จพร้อมบัตรประชาชนที่จุดบริการลูกค้า เพื่อออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบภายในวันที่ซื้อสินค้า
• คุ้มที่ 2 ประหยัดเพิ่ม กับสินค้า “ล็อคราคา” Red hot ลดสุดขีด สินค้าซื้อ 1 แถม 1 และอื่นๆ อีกมากมาย
• คุ้มที่ 3 ลดแรงแซงทุกโปร ฟรี สติกเกอร์ลดแล้วลดอีก สูงสุด 25% ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-5 พ.ย. 63


นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “จากมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการช้อปดีมีคืนเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดยลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาในปีภาษี 2563 สำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าและบริการตามจำนวนจ่ายจริงแต่รวมกันไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน โดยสามารถนำใบกำกับภาษีจากผู้ประกอบการ ระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2563 มาใช้เป็นหลักฐานได้นั้น 

บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมขานรับนโยบายของภาครัฐเพื่อช่วยกระตุ้นการจับจ่ายอย่างเต็มที่ โดยระดมแคมเปญโปรโมชันมามอบสิทธิประโยชน์และเพิ่มมูลค่าให้การชอปปิ้งแก่ลูกค้าเต็มที่

ทั้งนี้ กลุ่มวันสยามจึงจัดแคมเปญพิเศษสุดฉลองเปิดแคมเปญช้อปดีมีคืน ระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2563 สำหรับลูกค้าวันสยามทั้ง 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เพิ่มโปรโมชันให้การชอปปิ้งคุ้มค่ามากขึ้นด้วยแคมเปญ “OneSiam ช้อปดีมีคืน” ชอปครบ 30,000 บาท ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ รวบรวมใบกำกับภาษีมาแลกรับทันที Siam Gift Card มูลค่า 1,500 บาท รวมจำนวน 700 สิทธิ์ ทั้งนี้ ได้เตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกในการออกใบกำกับภาษีให้มีความสะดวกและรวดเร็ว 


นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการอีกมาก ทั้งส่วนลดพิเศษ แคชแบ็กเครดิตเงินคืน และโปรแกรมผ่อน 0% โดยสามารถติดตามข้อมูลรายละเอียดและเงื่อนไขโปรโมชันร้านค้าที่ร่วมรายการ และเงื่อนไขการใช้ Siam Gift Card ได้ทางสื่อต่างๆ และ Facebook ของศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ รวมทั้ง Mobile Application และ Line @OneSiam

“สยามพิวรรธน์พร้อมและจัดเต็มแคมเปญยักษ์ที่จะเพิ่มมูลค่าการจับจ่ายให้แก่ลูกค้าของทั้ง 3 ศูนย์ฯ คือ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เพื่อตอบแทนและมอบความสุขให้แก่ลูกค้าส่งท้ายปี โดยได้เตรียมแคมเปญอีกมากมายที่จะทยอยออกมาจนถึงสิ้นปี เพื่อช่วยสนับสนุนการขายของร้านค้าผู้เช่าทุกร้านในวันสยาม” ผู้บริหารสยามพิวรรธน์กล่าว

ทางด้านไอคอนสยามขานรับมาตรการรัฐ ได้จัดแคมเปญ “ไอคอนสยาม ช้อปดี มีคืน” ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.-1 พ.ย. 2563 ณ ไอคอนสยาม ถนนเจริญนคร

แคมเปญ “ไอคอนสยาม ช้อปดี มีคืน” โปรโมชันจัดขึ้นพิเศษเพื่อขานรับมาตรการภาครัฐกระตุ้นบรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในประเทศคึกคัก กระตุ้นเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ ร่วมฟื้นฟูประเทศไทยเพียงชอปครบ 30,000 บาทขึ้นไปภายในวันรับทันที บัตรกำนัล Siam Gift Card มูลค่า 1,500 บาท จำกัด 1 สิทธิ์ต่อท่านตลอดรายการ พร้อมรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีปี พ.ศ. 2563 ตามอัตราภาษีคืนตามระดับรายได้ โดย “ไอคอนสยาม ช้อปดี มีคืน” เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2563 


สำหรับค่ายเดอะมอลล์ก็จัดโปรโมชัน เมื่อชอปภายในห้างสรรพสินค้า (รวมแผนก POWERMALL, GOURMET MARKET และ Home Fresh Mart) ผ่านบัตร M card และบัตรเครดิตกสิกรไทย รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 15% เมื่อใช้คะแนน KBANK REWARD POINT แลกเท่ายอดซื้อ,​ ชอปครบ 1-4,999 บาท/เซลสลิป ใช้คะแนนเท่ายอดซื้อ แลกรับส่วนลดเพิ่ม 12%, ชอปครบ 5,000 บาทขึ้นไป/เซลสลิป ใช้คะแนนเท่ายอดซื้อ แลกรับส่วนลดเพิ่ม 15% เป็นต้น

ออฟฟิศเมท ขานรับนโยบายรัฐบาลกับมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ชวนผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นบุคคลธรรมดา ฟรีแลนซ์ พนักงานออฟฟิศ และลูกค้าทั่วไป ชอปสินค้าที่ใช้ในการประกอบอาชีพและใช้ในบ้านหรือโฮมออฟฟิศ เพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 30,000 บาท* ตามมาตรการของรัฐ 23 ต.ค. 63-31 ธ.ค. 63 นี้ ประกอบด้วย

1. ลดหย่อนภาษีได้ทุกชิ้น* เมื่อชอปสินค้ากว่า 60,000 รายการที่ออฟฟิศเมทตามมาตรการรัฐ ทั้งอุปกรณ์สำนักงาน ไอที เครื่องพรินต์ หมึกพิมพ์ แก็ดเจ็ต เฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ทำงาน เก้าอี้ผู้บริหาร อุปกรณ์ทำความสะอาด และกระเช้าของขวัญปีใหม่

2. เซฟเงินสดในกระเป๋า กับสินค้าราคาประหยัดที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนทุกวัน พร้อมรับสิทธิพิเศษผ่อน 0%* นานสูงสุด 3 เดือน กับบัตรเครดิต KBank, SCB และ Central The1 ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด

3. ออกใบกำกับภาษีง่ายและเร็ว ให้คุณชอปสะดวกทุกช่องทาง ทั้งที่ร้านออฟฟิศเมท และออฟฟิศเมท พลัส, OfficeMate Contact Center 1281 หรือชอปออนไลน์ได้ง่ายๆ ที่ www.officemate.co.th, OfficeMate Mobile App และ Chat & Shop ที่ Line: @OfficeMate โดยมีบริการจัดส่งฟรีถึงบ้าน/ออฟฟิศ เพียงชอปครบ 499 บาท

ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีจึงเป็นโค้งสุดท้ายที่มาพร้อมกับมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลที่จะปลุกบรรยากาศการชอปปิ้งของผู้บริโภคให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เพื่อให้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศกลับมาดีขึ้นบ้าง






กำลังโหลดความคิดเห็น