ในระหว่างสถานการณ์โควิด ทุกธุรกิจทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบถ้วนหน้ามากน้อยต่างกันไป แต่ในวิกฤตยังมีโอกาส บางธุรกิจ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบหนักที่สุด แต่ธุรกิจดิจิทัลและสื่อสารกลับเติบโตอย่างมาก ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวเพื่อรองรับวิกฤตที่เกิดขึ้น
สิ่งที่จะช่วยให้สามารถรับมือกับวิกฤต และเพิ่มโอกาสในการเติบโต สภาพคล่องทางการเงินเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด การจะเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งการปรับโครงสร้างและกลยุทธ์ การใช้บริการผู้เชี่ยวชาญถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และยังช่วยให้การขยายธุรกิจเป็นไปอย่างมีระบบ เพื่อปูทางไปสู่การเติบโตในอนาคต
ปัจจุบันมีบริษัทที่ปรึกษาให้เลือกมากมาย แต่ส่วนใหญ่ยังให้บริการลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มเอสเอ็มอี และกลุ่มผู้ประกอบการส่งออก เป็นต้น การหาบริษัทที่ปรึกษาที่เหมาะสมที่สามารถให้คำแนะนำทั้งปัจจุบัน และอนาคต
มาซาร์ส ประเทศไทย เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นบริษัทที่มีการให้บริการเป็นที่ปรึกษาอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในตลาดเมืองไทย ให้บริการลูกค้าทุกขนาดตั้งแต่บริษัทขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงกลุ่มธุรกิจระดับโลก ตลอดจนธุรกิจสตาร์ทอัพและองค์กรหน่วยงานสาธารณะ และสามารถบริการให้คำปรึกษาได้ในทุกขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ มีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งสิ้นกว่า 280 คน
โดยกลุ่มบริษัทมาซาร์ส (Mazars) เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางภาษี ผู้สอบบัญชีและที่ปรึกษาการดำเนินธุรกิจข้ามชาติชั้นนำ และเมื่อไม่นานมานี้ได้ทำการเปิดตัวโฉมใหม่ของแบรนด์ Mazars Group พร้อมกันในกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ชูแนวคิดทำธุรกิจที่แตกต่าง สะท้อนการนำเสนอบริการในมิติที่แตกต่างอย่างครบวงจร ตอกย้ำพันธกิจร่วมสร้างโลกที่มั่งคั่ง ยุติธรรม และยั่งยืน
นายเออเว่ เอเลียส ประธานกรรมการบริหารและประธานกลุ่มบริษัท มาซาร์ส กล่าวว่า การรีแบรนด์ใหม่ครั้งนี้เพื่อสะท้อนความสำเร็จของกลุ่มในการขยายกิจการให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและสมดุลมาโดยตลอด โดยในปีที่ผ่านมา (ปีงบการเงิน 2561/2562) กลุ่มบริษัทมาซาร์สมีรายรับสูงถึง 1.8 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 10.4% จากปีที่แล้ว (ไม่รวมกับรายได้พิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 0.2%) ซึ่งอัตราการเติบโตของรายได้ดังกล่าวเป็นการเติบโตจากส่วนการดำเนินธุรกิจด้วยตนเอง หรือ organic growth ถึง 9% อีกทั้งยังสะท้อนถึงวิวัฒนาการของ มาซาร์ส ที่เติบโตอย่างมั่นคงมาโดยตลอดจนกลายเป็นกลุ่มธุรกิจระดับนานาชาติ ปัจจุบันมาซาร์สดำเนินธุรกิจในกว่า 90 ประเทศทั่วโลก มีบุคลากรรวมมากกว่า 40,000 คน
การขยายธุรกิจไปยังนานาประเทศเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้มาซาร์สมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่มั่นคง ด้วยแหล่งรายได้ที่กระจายกันออกไปในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ปัจจุบัน มากกว่าหนึ่งในสามของรายได้ค่าธรรมเนียมบริการของกลุ่มมาจากธุรกิจนอกทวีปยุโรป โดยรายได้จากภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเติบโตสูงสุดอยู่ที่ 22.6% ในปีงบ 2561/2562 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของรายได้รวม
“ทุกวันนี้เรารับหน้าที่ผู้สอบบัญชีให้แก่ลูกค้าที่เป็นกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (Public Interest Entities : PIEs) อยู่เกือบ 2,000 รายทั่วโลก และกว่า 30% ของบริษัทจดทะเบียนในฝรั่งเศสก็เป็นลูกค้าเรา ในประเทศจีน เราให้บริการบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่อยู่เกือบ 140 แห่ง นอกจากนี้ เรายังให้บริการลูกค้าที่เป็นธุรกิจเอกชนและธุรกิจครอบครัวมากกว่า 50,000 ราย ซึ่งมีทั้งลูกค้าบุคคล ลูกค้าที่เป็นธุรกิจสตาร์ทอัพ ไปจนถึงบริษัทข้ามชาติเก่าแก่อีกด้วย”
ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าธุรกิจผู้สอบบัญชีมีสัดส่วนอยู่เกือบ 50% กลุ่มบริษัทมาซาร์สยังคงเดินหน้าพัฒนาการบริการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพัฒนาความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับงานผู้สอบบัญชีและระบบควบคุมคุณภาพ ทั้งนี้เพื่อช่วยให้วงการธุรกิจผู้สอบบัญชีพัฒนาอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
สำหรับธุรกิจในประเทศไทย นายร็อบ ฮูเรนคัมป์ ประธานกรรมการบริษัท มาซาร์ส ประเทศไทย กล่าวว่าบริษัทตั้งเป้าจะเติบโตขึ้นเป็นอันดับ 5 ในประเทศไทยจากปัจจุบันที่ประมาณอันดับ 6 ในตลาด ภายในสี่ปีข้างหน้า (2567) ในแง่รายได้ มาซาร์ส ประเทศไทยตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้และจำนวนลูกค้าเฉลี่ยปีละประมาณ 11% เท่ากับอัตราการเติบโตในปีที่ผ่านมาซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
“ความได้เปรียบของเราคือเราขยายธุรกิจด้วยการร่วมเป็นพันธมิตรกับธุรกิจในท้องถิ่น รวมถึงร่วมบริหารกิจการร่วมกับโลคัลพาร์ตเนอร์ในทุกๆ ประเทศ ทำให้เราทำงานร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และให้บริการลูกค้าในประเทศได้ด้วยมาตรฐานสากลเหมือนกันทั่วโลก ต่างจากบริษัทผู้สอบฯ รายอื่นๆ ที่ใช้วิธีขยายสาขาด้วยการให้ใบอนุญาต โดยบริษัทท้องถิ่นที่ถือใบอนุญาตก็ต่างฝ่ายต่างทำธุรกิจของตัวเอง ความร่วมมือระหว่างเครือข่ายจึงไม่คล่องตัวเท่ากับของเรา”
ทั้งนี้ นายร็อบกล่าวว่า “ท่ามกลางการแข่งขันค่อนข้างรุนแรงในไทย ทางบริษัทมองเห็นช่องว่างในตลาดที่บริษัทมีจุดแข็งที่สามารถจะเติบโตได้มากกว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมได้ โดยบริษัทมีความได้เปรียบเรื่องความคล่องตัวในการทำงาน และมีเครือข่ายที่ทำงานใกล้ชิดกันทั่วโลก สามารถประสานงานให้ลูกค้าที่ต้องการลงทุนข้ามชาติไปจนถึงลูกค้ารายเล็ก บริษัทมีทีมที่สามารถให้คำปรึกษาที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้”
มาซาร์สเป็นกลุ่มธุรกิจข้ามชาติชั้นนำที่มีเครือข่ายทำงานร่วมกันภายใต้วัฒนธรรมที่หลากหลาย ที่เน้นการขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้และเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก การรีแบรนด์ครั้งนี้เน้นสะท้อนเอกลักษณ์ของกลุ่มธุรกิจของมาซาร์สให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก โดยเฉพาะจุดเด่นที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมต่างถิ่นเข้ากันกับมิติธุรกิจสากลอย่างเป็นหนึ่งเดียว