ครม.ไฟเขียว EIA เปลี่ยนตำแหน่ง 2 สถานีรถไฟฟ้าสีชมพู “ศูนย์ราชการนนทบุรี และ นพรัตนราชธานี” ขณะที่ “ศักดิ์สยาม” กำชับ รฟม.ตรวจข้อกฎหมาย รถไฟฟ้าหยุดบริการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (20 ต.ค.) มีมติเห็นชอบการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี กรณีเปลี่ยนแปลงตำแหน่งสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) และสถานีนพรัตนราชธานี (PK26) ซึ่งการปรับตำแหน่งสถานีศูนย์ราชการนนทบุรีจะขยับไปทางขวา (ทิศตะวันออก) ประมาณ 337 เมตร มาอยู่ด้านหน้าซอยรัตนาธิเบศร์ 4 เพื่อไม่ต้องใช้พื้นที่อุทยานมกุฎรมยสราญ และไม่บดบังด้านหน้าอุทยานฯ โดยจะมีการก่อสร้างทางเดินยกระดับ (Skywalk) พร้อมติดตั้งระบบทางเดินเลื่อนอัตโนมัติ (Walkalator) ทั้งขาไปและขากลับเพื่ออำนวยความสะดวก
ส่วนสถานีนพรัตนราชธานี (PK26) จะขยับจากตำแหน่งเดิมไปทางซ้าย (ทิศตะวันตก) ประมาณ 313 เมตร มาอยู่บริเวณด้านหน้าสนามกีฬาไนติงเกล เนื่องจากกรมทางหลวงได้ก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกบริเวณหน้าโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี (แยกตัดถนนรามอินทรา) ทำให้ตำแหน่งสถานีเดิมมีระยะห่างในแนวดิ่งจากผิวถนนถึงโครงสร้างใต้สถานีไม่เพียงพอตามมาตรฐาน หรือไม่น้อยกว่า 5.5 เมตร
รมว.คมนาคมกล่าวว่า ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตรวจสอบการใช้คลื่นความถี่ในระบบอาณัติสัญญาของรถไฟฟ้าสายต่างๆ ด้วย โดยประสานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการใช้ย่านความถี่ที่ไม่กระทบกับการดำเนินงานขอ งกสทช.ในเรื่องอื่นๆ
กำชับ รฟม.ตรวจข้อกฎหมายหยุดเดินรถตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
จากที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครนั้น นายศักดิ์สยามกล่าวว่า มีประเด็นที่รถไฟฟ้าหยุดให้บริการแล้ว รฟม.จะต้องมีการชดเชยค่าเสียหายจากการสูญเสียรายได้ของเอกชนผู้ให้บริการหรือไม่อย่างไร เรื่องนี้ให้ รฟม.ตรวจสอบระเบียบ สัญญา รวมถึง พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุ้มครองอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ต้องยึดปฏิบัติตามกฎระเบียบและ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในฐานะผู้ให้บริการสาธารณะ
