สนามบินสุวรรณภูมิยกระดับมาตรการการคัดกรองผู้โดยสาร แยกหลุมจอดเที่ยวบินจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เพื่อรองรับและป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการ
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ได้แพร่อย่างรวดเร็วและกระจายไปหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ราชกิจจานุเบกษา กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID)) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่ออันตราย
ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พร้อมเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดใกล้เคียง จัดตั้งจุดตรวจคัดกรองผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก
ส่วนของการตรวจคัดกรองผู้โดยสารขาเข้า มีการติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนและเครื่องวัดอุณหภูมิหน้าผากและทางหู จำนวน 5 จุด ที่บริเวณจุดตัดอาคารเทียบเครื่องบิน D จำนวน 2 จุด และบริเวณทางเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองจำนวน 3 จุด และในส่วนของการตรวจคัดกรองผู้โดยสารขาออก มีการติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนและเครื่องวัดอุณหภูมิหน้าผากและทางหู จำนวน 4 จุด ได้แก่
1. จุดตรวจค้นร่างกายและสัมภาระผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โซน 3
2. จุดตรวจหนังสือเดินทางขาออกโซน 3 ช่องทาง Fast track (หลังเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสาร Row T)
3. จุดตรวจหนังสือเดินทางขาออกโซน 2 ช่องทาง Fast track (หลังเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสาร Row W)
4. จุดตรวจหนังสือเดินทางขาออกโซน 1 (หลังเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสาร Row A)
สำหรับการตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีการจัดหลุมจอดไว้รองรับเที่ยวบินที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงไว้ที่หลุมจอดประชิดอาคาร C, E, F, และ G เป็นการเฉพาะอีกด้วย และจะมีการตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิเมื่อผู้โดยสารเดินทางมาถึงสนามบิน
หากมีไข้เกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส มีอาการของระบบทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก มีการเดินทางไปยัง หรือมาจาก หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ถ้าผู้โดยสารเข้าลักษณะทั้ง 3 อย่างข้างต้นและแพทย์ที่ด่านควบคุมโรคมีความเห็นให้ดำเนินการเข้าพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ช่องทางเฉพาะ เพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาล ดำเนินการวินิจฉัยตรวจหาเชื้อทางห้องแล็บ
อย่างไรก็ตาม ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมิได้นิ่งนอนใจและมีความห่วงใยในสุขอนามัยของผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทุกท่าน โดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาความสะอาดในทุกพื้นที่ภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มีผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยให้เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดตามจุดต่างๆ โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาด
เช่น ภายในห้องน้ำ รถเข็นกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร เคาน์เตอร์ให้บริการสายการบิน เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ รวมถึงเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทาง ลิฟต์ ทางเดินเลื่อน ราวบันได พื้นที่พักคอย เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้มีการติดตั้งเครื่องจ่ายแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ณ บริเวณทางออกประตูเทียบเครื่องบินขาเข้าทุกประตู และพื้นที่อื่นๆ ที่มีผู้โดยสารใช้บริการจำนวนมาก
ทั้งนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ยกระดับเปลี่ยนศูนย์อำนวยความสะดวกให้บริการผู้โดยสารเป็น EMERGENCY OPERATION CENTER เพื่อรองรับสถานการณ์ในช่วงนี้ ณ ห้อง CIP 5 ชั้น 3 อาคารผู้โดยสาร หมายเลขโทรศัพท์ 0-2132-9950 โดยภายในศูนย์จะมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายการบิน ตม. ตำรวจท่องเที่ยว กรมการขนส่งทางบก ฯลฯ นั่งประจำศูนย์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อคอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร รวมถึงเพื่อช่วยดูแลประสานงานในการส่งผู้โดยสารคนไทยที่ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานต่างๆ และขณะนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ในระหว่างพิจารณาแนวทางการปฏิบัติงานเพิ่มเติมเพื่อยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 ให้มากขึ้น