กลุ่มบริษัทเอเยนซีชั้นนำระดับโลก เดนท์สุ อีจิส เน็ตเวิร์ค ประเทศไทย (Dentsu Aegis Network Thailand) ได้เปิดตัวซอฟต์แวร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ออกแบบให้เหมาะสมกับผู้ที่ขายสินค้าบน Lazada และ Shopee
การขยายตัวอย่างรวดเร็วของช่องทางมาร์เกตเพลสในช่วงที่ผ่านมา นำไปสู่การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นอย่างดุเดือด ทั้งฝั่งแบรนด์และผู้ประกอบการ SMEs ด้วย d-commerce metrix เครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ขายสินค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกอย่างเต็มรูปแบบ สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปพัฒนาร้านค้าออนไลน์ และพัฒนากลยุทธ์ด้านอื่นๆ ให้เหมาะกับการขายสินค้าบน Lazada และ Shopee
เพื่อให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนของกลุ่มบริษัทฯ ในเรื่อง Digital Society ซึ่งมีเป้าหมายในการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเชื่อใจ และเสริมสร้างความยั่งยืนให้แก่ทุกภาคส่วน ทางเดนท์สุ อีจิส เน็ตเวิร์ค ได้นำเทคโนโลยีด้านคอมเมิร์ซรวมถึงเครื่องมือต่างๆ มายกระดับตลาดอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้แบรนด์ที่ลงขายสินค้าใน Shopee และ Lazada สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่ การทำวิจัยตลาด, การติดตามคู่แข่ง, การวิเคราะห์อันดับการค้นหา, การเปรียบเทียบผลลัพธ์ของแคมเปญ, การวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์, การค้นหาคำสำคัญ และ การละเมิดลิขสิทธิ์จากผู้ขายสินค้าที่ไม่ใช่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งนักการตลาดสามารถใช้ประโยชน์จากการตรวจสอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ และการจัดการร้านค้าอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหน้าร้าน และสามารถบริหารกำไรได้ในแพลตฟอร์มเดียว
นายคาซูโอะ โคอิเคะ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า สิ่งที่เขาให้ความสำคัญสูงสุดในตอนนี้ คือ การผสมผสานระหว่างการทำกลยุทธ์การขายกับกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ และได้อธิบายแรงผลักดันในการริเริ่มทำอีคอมเมิร์ซของบริษัทว่า “เราประสบความสำเร็จจากการแนะนําเครื่องมือที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของกลุ่มฯ ให้แก่ลูกค้าของเรา เราได้เล็งเห็นแล้วว่า แม้กระทั่งก่อนการแพร่กระจายของโควิด-19 แนวโน้มการเติบโตของมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก และในฐานะที่เราเป็นเอเยนซีด้านการตลาด การทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของลูกค้าเติบโตและประสบความสำเร็จคือความมุ่งมั่นของเรา โดย d-commerce metrix ช่วยเพิ่มโอกาสให้แบรนด์และสินค้าโดดเด่นจากจากสินค้าอื่นๆ ด้วยข้อมูลตามความเป็นจริงเท่านั้น และยังเพิ่มขีดความสามารถของร้านค้าให้แก่แบรนด์และผู้ขาย ด้วยวิธีบริหารจัดการร้านค้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มขึ้น”
“ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมการบริโภคสื่อของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระดับพื้นฐาน เราจึงแบ่งการทำการตลาดออกเป็นสองแกนหลัก คือ การตลาดเพื่อการสร้างการรับรู้ (Awareness-Driven Marketing) และ การตลาดเพื่อการสร้างยอดขาย (Sales-Driven Marketing) เรามั่นใจว่า d-commerce metrix เป็นหนึ่งในโซลูชั่นที่โดดเด่นและแตกต่างซึ่งเรามอบให้แก่ลูกค้าของเรา เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาดเพื่อการสร้างยอดขาย และสามารถช่วยให้ยอดขายของลูกค้าเติบโตได้อย่างแน่นอน”
นายจรัส จรัสรุ่งเรืองชัย หัวหน้าแผนก dX commerce ซึ่งเป็นหน่วยงานเฉพาะทางของเดนท์สุ อีจิส เน็ตเวิร์ค เสริมว่า “จากประสบการณ์การทำงานด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาเกือบตลอดอายุการทำงานของผม ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า d-commerce metrix เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจในมาร์เกตเพลสเพิ่มยอดขายได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว เพราะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงข้อมูลสำคัญๆ ที่ใช้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงการขายได้อย่างทันท่วงที”
นายอมรศักดิ์ ศักดิ์ภู่อร่าม ประธานกรรมการบริหาร เดนท์สุ อีจิส เน็ตเวิร์ค ประเทศไทย กล่าวสำทับว่า การเปิดตัวของเครื่องมือนี้ เป็นการลงทุนเชิงรุกในเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซเพื่อใช้กับทุกแบรนด์เอเยนซีในเครือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 จะเห็นว่าลูกค้าหลายรายได้ใช้ช่องทางออนไลน์ เพื่อกระตุ้นยอดขายและรายได้ให้ฟื้นตัวอีกครั้ง “ในโลกที่ดิจิทัลมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ผู้บริโภครู้ดีว่าการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค, ของใช้ในครัวเรือน, หรือแม้กระทั่งสินค้าที่มีอายุการใช้งานยาวนาน เรามองเห็น ecosystem หรือวงจรของผู้บริโภคในอนาคต ทำให้เราไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อให้จับความเคลื่อนไหวและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้สมกับที่เป็นเอเยนซี่ทางด้านการตลาด”
d-commerce metrix เริ่มเปิดใช้งานทั่วประเทศพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ลูกค้าหลายๆ แบรนด์ได้รับประโยชน์จากการทดลองใช้เวอร์ชันที่เป็นเบต้าไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งซอฟต์แวร์ในปัจจุบันเป็นเวอร์ชันสมบูรณ์พร้อมใช้ 100% สำหรับการขยายการใช้งานไปยังประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเกิดขึ้นภายในเดือนตุลาคมนี้