ผู้จัดการรายวัน 360 - “เบอร์เกอร์คิง” เร่งปรับการสื่อสาร หลังต้องมุ่งเน้นคนไทยมากขึ้น ทั้งการสื่อสาร เมนู โปรโมชัน แผนเปิดสาขาปีนี้อาจไม่ตามเป้าเพราะโควิด-19 พร้อมจัดโปรโมชันใหญ่ดันยอดขาย
นายธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือไมเนอร์กรุ๊ป เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 อย่างหนักในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในวงกว้างรวมทั้งเบอร์เกอร์คิงเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงที่ล็อกดาวน์ทำให้ยอดขายหน้าร้านหายไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายลงบ้าง แต่สาขาที่ตั้งอยู่ตามสถานที่และจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ ยังไม่เปิด
เนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากกรณีที่ยังปิดประเทศ ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยได้ ซึ่งสาขาที่ยังปิดอยู่จะเน้นนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก สาขาที่ปิดอยู่ เช่น ภูเก็ต 7 สาขา, กระบี่, เกาะพีพี, กรุงเทพฯ อีก 3 สาขา
ส่วนแผนเดิมปีนี้กำหนดจะเปิด 10 สาขา แต่คาดว่าจากผลกระทบของโควิดจะเปิดได้ไม่ครบแต่ใกล้เคียง ที่เปิดแล้ว เช่น ในปั๊ม ปตท.กาญจนาภิเษก ที่ตึกซีพีสีลม ส่วนที่จะเปิดช่วงปลายปีอีกเช่น ในปั๊ม ปตท. 2 แห่ง และในปั๊มเชลล์ 1 แห่ง จากที่ผ่านมาจะเปิดเฉลี่ยประมาณ 10 กว่าสาขาต่อปี โดยปัจจุบันมีสาขารวมประมาณ 96 สาขา
โดยทำเลที่จะเปิดสาขานั้นมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับความเหมาะสมแต่ละทำเล ไม่ว่าจะเป็นสแตนด์อะโลน ในศูนย์การค้า ในปั๊มน้ำมัน ซึ่งที่ผ่านมาเราเปิดในปั๊มน้ำมันจำนวนมากกับหลายบริษัทค้าน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็น ปตท. เอสโซ่ เชลล์ เป็นต้น มากเกือบ 50% จากจำนวนสาขาทั้งหมด รวมไปถึงเปิดแบบไดรฟ์ทรูด้วยก็มาก
ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์โควิดบริษัทฯ ต้องปรับตัวปรับกลยุทธ์รองรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนทุกบริษัท เพราะหน้าร้านไม่สามารถเปิดบริการนั่งรับประทานได้หลายเดือน รวมทั้งกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติก็หายไปด้วย โดยหันมาเน้นดีลิเวอรี ซึ่งช่วงโควิดระบาด ดีลิเวอรีของเราเติบโตขึ้นมากและจะเป็นส่วนสำคัญที่อนาคตจะเติบโตเช่นเดียวกัน สำหรับสัดส่วนรายได้จากช่องทางบริการมีดังนี้ นั่งรับประทานในร้านและเทกอะเวย์ 60% จากปีที่แล้วมี 70%, ดีลิเวอรี 25% จากปีที่แล้วมี 10% และช่องทางไดรฟ์ทรู 15% จากปีที่แล้วที่มี 20%
ขณะที่สัดส่วนลูกค้าปัจจุบันเป็นคนไทยมากถึง 90% จากช่วงก่อนเกิดโควิดเป็นคนไทย 60% ทั้งนี้ ในช่วงหลังไม่กี่ปีมานี้เบอร์เกอร์คิงได้พยายามหันมาเน้นสัดส่วนลูกค้าคนไทยมากขึ้น และยิ่งชัดเจนมากขึ้นในปี 2563 นี้
“ตอนนี้เราเน้นลูกค้าคนไทยมากขึ้นด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายมีการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสื่อสารและเมนูอาหาร เช่น ภาษาที่ใช้ในร้านไม่ว่าจะเป็นข้อความเมนูอาหารหรือข้อความโฆษณาหรือภาพ จะใช้เป็นภาษาไทยมากขึ้นให้ง่ายต่อการเรียกการสื่อสาร เช่น ฟิชแอนด์คริสป์ก็เรียกว่าเบอร์เกอร์ปลา หรือเทนเดอร์คริสป์ก็เรียกว่าเบอร์เกอร์สะโพกไก่ทอด การตกแต่งบรรยากาศโทนที่มีความทันสมัยออกเมนูอาหารที่มีความเป็นท้องถิ่นมากขึ้นเพื่อเข้าถึงคนไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการใช้แคมเปญโปรโมชันราคาผลักดันยอดขายด้วย” นายธนวรรธกล่าว
ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ “คริสต์มาส ไม่คิดมาก” ซึ่งได้เลื่อนมาจัดเร็วขึ้นเพื่อสร้างรอยยิ้มให้คนไทยหลังจากที่ต้องเผชิญกับวิกฤตโควิดมา โดยจัดโปรโมชันซื้อ 1 ชิ้นแถมฟรีอีก 1 ชิ้น กับ 4 เมนูโปรด วอปปเปอร์ จูเนียร์ ชีสซิกเนเจอร์, นินจาเบอร์เกอร์, ฟิชแอนด์คริสป์ และเบอร์เกอร์สะโพกไก่ทอด รวมทั้งการตกแต่งร้านเป็นบรรยากาศคริสต์มาส ใน 3 สาขา คือ สาขาเมซ ทองหล่อ สาขาสยามพารากอน และสาขาปั๊มน้ำมันเอสโซ่รามอินทรา คาดหวังว่าจะเพิ่มยอดขายให้เติบโต 25% จากช่วงไตรมาสที่ 3