xs
xsm
sm
md
lg

"สยามราชธานี" ยันเดินหน้าขาย IPO ตามแผน หลังโควิด-19 กระทบเล็กน้อย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"สยามราชธานี" ยันเดินหน้าขาย IPO ตามแผน หลังโควิด-19 กระทบเล็กน้อย พร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงไตรมาส 1/63

นายจิรณุ กุลชนะรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามราชธานี (SO) ผู้ประกอบธุรกิจการจ้างเหมาบริการครบวงจร (Outsourcing Services) กล่าวว่า ความคืบหน้าในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) นั้นยังคงเดินหน้าต่อไปตามแผนที่วางไว้

ขณะที่ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 นั้นบริษัทได้รับผลกระทบเล็กน้อยในส่วนของค่าล่วงเวลา (OT) แต่ในช่วงวิกฤตย่อมมีโอกาสเช่นกัน เพราะสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะต้องบริหารบุคลากรท่ามกลางวิกฤต ซึ่ง Outsource ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถลดความเสี่ยงและต้นทุนลงได้ เช่นเดียวกับวิกฤตต้มยำกุ้ง และแฮมเบอร์เกอร์ ที่เป็นปัจจัยทำให้บริษัทเติบโต ก่อนหน้านี้ สยามราชธานี มีแผนขายหุ้น IPO ไม่เกิน 85 ล้านหุ้น และได้นำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุน (โรดโชว์) มาแล้ว 2 ครั้งใน จ.สงขลา และเชียงใหม่ เมื่อช่วงเดือนก.พ.63 แต่เมื่อเผชิญต่อสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เลื่อนโรดโชว์ครั้งที่ 3 ในกรุงเทพฯ ในช่วงเดือน มี.ค.ออกไป ทำให้กระทบต่อแผนการเสนอขาย IPO ที่เดิมคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงไตรมาส 1/63

นายจิรณุ กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทสามารถเติบโตได้ท่ามกลางภาวะวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยในอดีตที่ผ่านมาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจจะมีความต้องการของธุรกิจ Outsource มากขึ้น ทำให้ผลดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,027.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.57% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 58.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.79% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ด้านความสามารถในการทำธุรกิจยังมีความแข็งแกร่ง โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 17.41% เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 17.36% และอัตรากำไรสุทธิ เท่ากับ 5.74% ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 5.17% และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 34.16%

รายได้ที่เติบโตขึ้นมาจากธุรกิจบริการจัดหาบุคลากร ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทในสัดส่วนมากกว่า 80% ของรายได้รวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากลูกค้าประเภทหน่วยงานรัฐบาลรายใหญ่ที่เป็นคู่สัญญาของบริษัทซึ่งได้เพิ่มทั้งในส่วนของจำนวนพนักงานและอัตราค่าจ้างตามสัญญา เมื่อเทียบกับสัญญาเดิมที่บริษัทเคยได้รับในงวดเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการเติบโตของรายได้ค่าเช่าและบริการ ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้บริการรถยนต์ให้เช่า ซึ่งบริษัทได้ลูกค้าประเภทหน่วยงานของรัฐบาลรายใหญ่รายหนึ่งที่มีการทำสัญญาตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2/62 เป็นสัญญาระยะสั้นที่มีการรับรู้รายได้ต่อเนื่องมาจนถึงในช่วงไตรมาสที่ 1/63 และภายหลังสัญญาสิ้นอายุ บริษัทได้เข้าร่วมประมูลและเป็นผู้ชนะการประมูลได้รับสัญญาระยะยาว 5 ปี นับจากเดือน เม.ย.63 เป็นต้นไป ทำให้บริษัทรับรู้รายได้เพิ่มเติมเข้ามา

"ลูกค้าที่เป็นหน่วยงานของภาครัฐมีสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันขยับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 60% ของรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักรวม เทียบจากเมื่อช่วง 3 ปีก่อนสัดส่วนลูกค้าที่เป็นหน่วยงานภาครัฐจะอยู่ที่ 56% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพในการให้บริการของบริษัทเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าของบริษัท ทำให้ลูกค้ายังคงมีความประสงค์ที่จะใช้บริการจัดหาบุคลากรของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่เหลือก็เป็นลูกค้าภาคเอกชน" นายจิรณุ กล่าว

นายจิรณุ กล่าวว่า ในส่วนของต้นทุนการให้บริการจัดหาบุคลากรและต้นทุนค่าเช่าและค่าบริการรวม สำหรับงวด 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 836.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่ากับ 78.50 ล้านบาท หรือ 10.35% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของรายได้