“สุพัฒนพงษ์” เผยโครงการศึกษาสะพานไทย 9 แสนล้านบาท เตรียมเสนอชงบอร์ดอีอีซีเพื่อเห็นชอบการศึกษาต่อไปหลัง ศบศ.ไฟเขียว รับหากเกิดขึ้นได้จะเกิดประโยชน์ต่อไทยสูงสุด พร้อมแนะประชาชนโหลดแอป “เป๋าตัง” ไว้ รัฐพร้อมออกมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่อง
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า โครงการสะพานไทย มูลค่าประมาณ 9 แสนล้านบาท ว่าหลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เห็นชอบหลักการแล้ว นโยบายดังกล่าวจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ดอีอีซี ที่มีนายกรัฐมนตรีเห็นชอบเพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเนื่องจากเบื้องต้นหากเกิดขึ้นได้จริงก็จะมีส่วนกระตุ้นการลงทุนเพราะจะเป็นเส้นทางที่สามารถเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างเอเชียตะวันออกและอาเซียนมีทางเลือก ไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา
“การเดินทาง การขนส่งสินค้าระหว่างภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และรับขนส่งสินค้าจากจีนตอนใต้ ผ่าน สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาประเทศไทย และส่งออกไปฝั่งตะวันตกจากโครงการสะพานไทย (จ.ชลบุรี-เชื่อม จ.เพชรบุรี หรือประจวบคีรีขันธ์) ไปยัง จ.ระนอง ผ่านท่าเรือระนอง ทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างเอเชียตะวันออก และอาเซียน มีทางเลือกไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา ลดต้นทุนการขนส่ง และเกิดประโยชน์การลงทุนในไทย” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ แม้ว่าก่อนหน้าจะมีการศึกษาลงทุนโครงการทวาย แต่เนื่องจากเป็นการลงทุนระหว่างประเทศและเป็นโครงการขนาดใหญ่จึงมีความล่าช้า ดังนั้น หากไทยพัฒนา “สะพานไทย” ควบคู่กับการผ่อนคลายข้อกำหนดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้เหมาะสมก็จะทำให้โครงการเกิดได้รวดเร็วกว่า
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก มีแนวโน้มราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวในระดับ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลไปจนถึงสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม พบว่าราคาน้ำมันดีเซลมีสัญญาณอ่อนตัวลงเนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้การใช้น้ำมันเครื่องบิน (Jet) ลดต่ำลงส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันต้องปรับตัวหันมาเปลี่ยนการผลิตมาเป็นดีเซลแทนจึงกดดันต่อปริมาณดีเซลในตลาดให้เพิ่มขึ้นดังนั้นจึงต้องติดตามใกล้ชิด
“กระทรวงพลังงานก็ได้ติดตามราคาพลังงานในภาพรวมอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็ได้มีการตรึงค่าไฟฟ้า ตรึงราคาแอลพีจี และพยายามจะดูแลในระยะต่อไป” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากความไม่แน่นอนทางด้านภาวะเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 ที่กระทบไปทั่วโลก และคนไทยได้รับผลกระทบ ดังนั้น รัฐบาลจึงมีแนวคิดที่จะช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยต้องตรวจสอบได้และเข้าถึงประชาชนได้ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เป็นหลัก ดังนั้นจึงแนะนำให้ทุกคนดาวน์โหลดแอปเป๋าตังไว้ ในขณะที่ร้านค้าใดๆ ที่ยังไม่สามารถรับการจ่ายเงินผ่านแอปนี้ได้ก็ควรจะติดต่อธนาคารพาณิชย์ เพื่อขอใช้บริการการเข้าถึงเน็ตแบงก์เพื่อประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการที่จะมีการช่วยเหลือต่อเนื่อง
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า การเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รอบที่ 23 นั้น ขณะนี้กรมฯ ได้กำหนดขนาดและพื้นที่แปลงที่จะเปิดสำรวจไว้แล้ว รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พิจารณาเร็วๆ นี้ เบื้องต้นทางนายสุพัฒนพงษ์เห็นว่าการเปิดสำรวจรอบใหม่ควรจะต้องรอจังหวัดให้สถานการณ์เอื้อมากกว่านี้เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 หากเปิดให้ให้เอกชนมายื่นการเดินทางมาของนักลงทุนคงจะไม่สามารถมาได้ ประกอบกับราคาน้ำมันโลกเองก็ยังมีความไม่เสถียร ดังนั้นอาจจะไม่จูงใจให้เกิดการสำรวจและผลิต รวมทั้งต้องรอจังหวะให้ราคาน้ำมันโลกเกิดความเสถียร อยู่ในระดับจูงใจนักลงทุนให้ขุดสำรวจปิโตรเลียม