สสว.ประสานความร่วมมือกับสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) ขยายโอกาสทางการค้าแก่ผู้ประกอบการไทย จัดเจรจาการค้าระหว่างประเทศไปยัง 5 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ฟิลิปปินส์ อินเดีย และราชอาณาจักรบาห์เรน เพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและแสวงหาตลาดเกิดใหม่ในต่างประเทศ
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) หน่วยงานภาครัฐ มีนโยบายพัฒนาและส่งเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ไทย และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) ร่วมจัดงานการเจรจาการค้าเจาะตลาดเครื่องสำอางและความงาม ไทย-ฟิลิปปินส์ ผ่านการเจรจาธุรกิจในรูปออนไลน์ ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพและช่องทางการตลาดเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการ SMEs เพื่อมุ่งเน้นพัฒนาให้ SMEs มีโอกาสขยายช่องทางการตลาดและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการมีความสามารถในการแข่งขันและขยายตลาดสู่ต่างประเทศได้
นายวชิระ แก้วกอ ผู้อำนวยการฝ่ายประสานเครือข่าย ผู้ให้บริการ SMEs รักษาการแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มงานข้อมูลและสถานการณ์ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า โครงการพัฒนาศักยภาพและช่องทางการตลาดเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ส่งเสริมความรู้ด้านธุรกิจและการตลาด เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการ สร้างพันธมิตรทางการค้า เพิ่มเครือข่ายทางธุรกิจ ต่อยอดธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ และสร้างโอกาสในการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าสำหรับผู้ประกอบการไทยไปต่างประเทศ ผ่านการดำเนินงาน 2 กิจกรรมหลัก คือ การอบรมสัมมนาให้ความรู้ และการเจรจาการค้ากับผู้ซื้อต่างประเทศ โดย ISMED ได้ดำเนินการจัดการเจรจาการค้ากับ 5 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ฟิลิปปินส์ อินเดีย และราชอาณาจักรบาห์เรน โดยมีผู้ประกอบการจากหลากหลายธุรกิจ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว เครื่องสำอาง สปา กลุ่มสินค้าของขวัญ ของใช้ ของตกแต่งบ้าน และกลุ่มธุรกิจบริการ เข้าร่วมกิจกรรม กว่า 200 กิจการ คาดว่าจะเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 1,200 ล้านบาท
นายธนนนท์ พรายจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมการเจรจาการค้าเจาะตลาดเครื่องสำอางและความงามไทย-ฟิลิปปินส์ ในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ โดยสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก ERP Wellness Enterprise ประเทศฟิลิปปินส์ในการคัดเลือกคู่เจรจากว่า 60 บริษัท เพื่อร่วมเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องสำอาง ความงามและสุขภาพของไทย จำนวน 40 กิจการ โดยคาดว่าจะเกิดการจับคู่เจรจาไม่ต่ำกว่า 280 คู่ และคาดหวังเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 250 ล้านบาท อีกทั้งเกิดพันธมิตรและโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศไทยกับฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น