xs
xsm
sm
md
lg

มาคาเลียสชูแผนไฮบริดมาร์เกตติ้ง ลุยตลาดฝ่าวิกฤตท่องเที่ยวไตรมาสสุดท้าย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มาคาเลียส แหล่งรวมและจำหน่ายวอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย ปรับแผนการตลาดโค้งสุดท้ายแห่งปี ชูกลยุทธ์ “ไฮบริดมาร์เกตติ้ง” (Hybrid Marketing) ผสานแพลตฟอร์มออนไลน์และออนกราวนด์ หวังช่วยกระตุ้นธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวภายในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ประเดิมอีเวนต์แรกในงาน ทราเวลเลอร์ เอ็กซ์โป 2020 (Traveler Expo 2020) จัดแพกเกจสุดคุ้มพร้อมเสิร์ฟนักท่องเที่ยว ตั้งเป้าปิดดีลสิ้นปียอดรวมกว่า 150,000 ดีล หรือกว่า 200 ล้านบาท

นางสาวณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ในสถานการณ์ปัจจุบันภาพรวมด้านธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในประเทศไทยถือว่าซบเซาอย่างหนัก เนื่องจากขณะนี้การจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างคล่องตัว เพราะหลายประเทศทั่วโลกยังมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่อีก รวมถึงข่าวลือในประเทศไทย ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เหมือนจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมที่ผ่านมา กลับเงียบเหงาอีกครั้ง ถึงแม้ภาครัฐบาลจะพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างหนัก โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมจัดกิจกรรมโปรโมตและกระตุ้นให้คนไทยออกมาท่องเที่ยวผ่านโครงการต่างๆ แต่ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่ายังมีนักท่องเที่ยวชาวไทยอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องการออกมาท่องเที่ยว เนื่องจากยังมียอดสั่งจองวอเชอร์ที่พักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีความกังวลในด้านมาตรการความปลอดภัยของโรงแรม และยังขาดความมั่นใจในมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบ 2 จากภาครัฐ

ดังนั้น แผนการตลาดของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 บริษัทฯ จึงมุ่งเร่งสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยของการใช้บริการ พร้อมทั้งได้ใช้กลยุทธ์ “ไฮบริดมาร์เกตติ้ง” (Hybrid Marketing) ซึ่งเป็นการเชื่อมแพลตฟอร์มออนไลน์และออนกราวนด์เข้าด้วยกัน พร้อมทั้งเดินหน้าจับมือกับพันธมิตรในธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าตลาดท่องเที่ยวในประเทศไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยแบ่งออกเป็น “ที่พักและสถานที่ท่องเที่ยว” (Accommodation & Tourist Spot) ปัจจุบันบริษัทฯ มีดีลกับที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญกว่า 500 แห่ง ตั้งแต่ระดับโฮมสเตย์ไปจนถึงลักชัวรีโฮเต็ล แต่ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งแผนต่อจากนี้ไปจะดำเนินการหาพันธมิตรเพิ่มเติมให้ครบทั่วภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยว ตั้งเป้าจะมีดีลให้บริการภายในสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 100% หรือกว่า 1,000 แห่ง อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ขอความร่วมมือกับที่พักต่างๆ ให้เข้มงวดด้านการดูแลรักษาความสะอาดเพื่อสุขอนามัยของผู้มาใช้บริการ พร้อมทั้งได้ช่วยประชาสัมพันธ์ถึงมาตรการดังกล่าวผ่านทางช่องทางต่างๆ ของบริษัทฯ เพิ่มด้วย

ต่อด้วย “กิจกรรมออนไลน์” (Online Activity) การเชิญกลุ่มบล็อกเกอร์ด้านท่องเที่ยวที่มีความรู้ด้านการท่องเที่ยวและเป็นพันธมิตรของบริษัทฯ มาร่วมสร้างคอนเทนต์ภายใต้แคมเปญ Makalius X Influencers เสมือนเป็นการทดลองเที่ยวก่อนลูกค้าเพื่อช่วยพิสูจน์ว่าที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนั้นเป็นตามที่โฆษณา และได้มาตรฐานการดูแลด้านความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าอีกทางหนึ่งถึงการซื้อบริการของสถานที่นั้นไปใช้ โดยในขณะนี้บริษัทฯ ได้มีกลุ่มบล็อกเกอร์เข้าร่วมโครงการเพื่อช่วยกันโปรโมตแล้วกว่า 20 ท่าน และมียอดผู้ติดตาม (Follower) รวมกว่า 20 ล้านคน

ปิดท้ายด้วย “กิจกรรมออนกราวนด์” (On-Ground Activity) ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคบางส่วนยังให้ความสำคัญต่อสิ่งของหรือบริการที่จับต้องได้ โดยในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่บริษัทฯ หันมาลงกิจกรรมออนกราวนด์เต็มรูปแบบ ประเดิมงานแรก “ทราเวลเลอร์ เอ็กซ์โป 2020” (Traveler Expo 2020) วันที่ 1-4 ตุลาคม 2563 บูทเลขที่ T22-T27 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ที่โชว์จุดเด่นด้วยการขนวอเชอร์ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร กว่า 50 ดีล จาก 13 โรงแรมดัง จัดโปรโมชันพิเศษลดสูงสุดกว่า 89% ราคาเริ่มต้นดีลละ 420 บาท นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแจกที่พักพร้อมวอเชอร์เงินสดวันละ 10 รางวัลตลอดการจัดงาน

บริษัทฯ คาดว่าจะจัดกิจกรรมในรูปแบบออนกราวนด์ประมาณ 3-4 ครั้งต่อปี พร้อมทั้งจัดกิจกรรมใหญ่ในรูปแบบ “มาคาเลียสแฟร์” (Makalius) มหกรรมการท่องเที่ยวที่ร่วมกับพันธมิตรที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารทั่วประเทศไทย

นางสาวณีรนุชกล่าวต่อว่า “จากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่นี้ จะสามารถช่วยกระตุ้นภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อมทั้งตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้บริษัทฯ จะสามารถปิดดีลที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหาร ได้รวมกว่า 150,000 ดีล หรือมีมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท”


กำลังโหลดความคิดเห็น