ผู้จัดการรายวัน 360 - โควิด-19 สะเทือนวงการภาพยนตร์ “จีดีเอช” เลื่อนหนังไปปีหน้า 1 เรื่อง ทำปีนี้เหลือ 2 ผลงาน คาดรับรู้รายได้เพียง 345 ล้านบาท พร้อมลุยปี 64 เต็มสูบ อัด 180 ล้านร่วมทุนหลายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ แฟนๆ เตรียมรอดู “บุพเพสันนิวาส 2” ในโรงภาพยนตร์ หวังฟีเวอร์ไม่ต่างจากพี่มากพระโขนง ดันจีดีเอชกลับมามีรายได้ 500 ล้านบาท
นางสาวจินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด เปิดเผยว่า เดิมปีนี้บริษัทจะมีผลงานออกมา 3 งาน คือ ภาพยนตร์ 2 เรื่อง และละคร 1 เรื่อง แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนภาพยนตร์ 1 เรื่อง คือ โกสต์แล็บ ฉีกกฎทดลองผี ออกไปเป็นปีหน้าแทน โดยของปีนี้ภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายจะอยู่ช่วงปลายปี คือ “อ้าย คนหล่อลวง” นำแสดงโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ และไบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ส่วนละคร คือเรื่อง ฉลาดเกมส์โกง ออกอากาศทางช่องวัน และ WeTV ซึ่งได้รับการตอบรับดีทั้งในและต่างประเทศ ทำให้มีรายได้ขายลิขสิทธิ์ในแอปพลิเคชันต่างๆ ได้กว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกัน ปีนี้บริษัทยังมีรายได้จากการจำหน่ายภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศเข้ามาอีก ส่งผลให้ปีนี้น่าจะมีรายได้ราว 345 ล้านบาท
“ปกติจีดีเอชทำหนังปีละ 2-3 เรื่อง ปีนี้ 2 เรื่องแต่เหลือ 1 เรื่อง จากโควิด-19 แต่โชคดีได้ละคร ฉลาดเกมส์โกง มาช่วย บวกกับรายได้ขายลิขสิทธิ์เข้ามา ทำให้รายได้น่าจะอยู่ที่ 330-340 ล้านบาท ถือว่าดีและไม่ขาดทุน เทียบกับปี 62 มีรายได้ 400 ล้านบาท กับหนัง 3 เรื่อง”
ส่งผลให้แผนการดำเนินงานในปี 2564 นั้น บริษัทพร้อมร่วมทุนทั้งในไทยและต่างประเทศในการผลิตภาพยนตร์คุณภาพออกมาร่วมกัน ใช้งบลงทุนรวมกว่า 170-180 ล้านบาท เบื้องต้นจะมีทั้งหมด 4 เรื่อง คือ 1. โกสต์แล็บ ฉีกกฎทดลองผี นำแสดงโดย ต่อ-ธนภพ, ไอซ์-พาริส และณิชา-ณัฏฐณิชา 2. ร่างทรง เป็นการร่วมทุนกับทางเกาหลี 3. “W” (working title) เป็นการร่วมทุนกับนาดาว บางกอก และ 4. บุพเพสันนิวาส 2 เป็นการร่วมทุนกับบรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น โดยได้พระนาง โป๊ป-ธนวรรธน์ เบลล่า-ราณี มาร่วมแสดง ถือเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ลงทุนไปร่วม 80 ล้านบาท จึงคาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีหรือน้อยกว่า พี่มากพระโขนง เล็กน้อย ตั้งเป้ารายได้เบื้องต้นไว้ที่ 200 ล้านบาท หรือทั้งปี 64 บริษัทน่าจะกลับมามีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทได้
นางสาวจินากล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมตลาดภาพยนตร์ 8 เดือนที่ผ่านมาทำรายได้ไปเพียง 580 ล้านบาทเท่านั้น เทียบกับปีก่อนทำได้ถึง 3,000 ล้านบาท อันเนื่องมาจากโควิด-19 ปิดโรงหนัง หนังเทศเลื่อนฉาย มีแต่หนังเก่าเป็นหลัก แต่ไตรมาสสี่จะเริ่มมีหนังใหม่เข้ามามากขึ้น ทั้งปีจึงมองว่าภาพรวมตลาดภาพยนตร์น่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และถ้าถึง 2,000 ล้านบาท ถือว่าดีมากๆ สำหรับปีนี้