ส.อ.ท.ลุ้นการประชุม ศบศ.พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) เตรียมเสนอให้ ธปท.ยืดมาตรการพักชำระหนี้ให้ภาคธุรกิจต่ออีก 2 ปี โดย 6 เดือนแรกให้ชำระดอกเบี้ย 10% ก่อนหวังต่อลมหายใจธุรกิจที่ยังรวยรินจากผลกระทบโควิด-19 พร้อมให้ บสย.ขยาย Max Claim เป็น 50% หนุนปล่อยกู้ซอฟต์โลน 5 แสนล้านบาท
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ.วันที่ 16 กันยายน 2563 ในฐานะกรรมการตัวแทนภาคเอกชนจะเสนอ ศบศ.ผลักดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณายืดมาตรการพักชำระหนี้ให้แก่ภาคธุรกิจต่ออีก 2 ปี จากที่จะสิ้นสุดเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจากประเทศทั่วโลกยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจไทยยังคงต้องอาศัยเวลาในการฟื้นตัว
"แม้ว่าไทยจะควบคุมโควิด-19 ได้ดี แต่หลายประเทศก็ยังต้องเผชิญกับการติดเชื้อและบางประเทศเริ่มกลับมาระบาดรอบใหม่ สภาพเศรษฐกิจไทยและโลกยังต้องอาศัยเวลาฟื้นตัวทำให้ผู้ประกอบการเองยังคงประสบปัญหาสภาพคล่อง" นายสุพันธุ์กล่าว
สำหรับแนวทางที่จะเสนอคือ ให้ ธปท.พักชำระเงินต้นต่ออีก 2 ปี แต่จะขอชำระดอกเบี้ย 6 เดือนแรกเพียง 10% ของดอกเบี้ยที่มีอยู่ โดยเป็นอัตราดอกเบี้ยปกติไม่ใช่ดอกเบี้ยประเภทผิดชำระหนี้ แล้วที่เหลือ 90% ขอค้างไว้ก่อน เมื่อสภาพเศรษฐกิจและผู้ประกอบการเริ่มฟื้นตัวก็สามารถพิจารณาเรื่องการชำระหนี้ส่วนที่เหลือได้ต่อไป
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ภาคเอกชนมองว่าโควิด-19 ขณะนี้ยังจะอยู่กับเราไปอีก 1-2 ปีจนกว่าจะมีวัคซีนออกมา ดังนั้นระหว่างนี้จึงต้องการให้ ธปท.พิจารณาแนวทางการยืดมาตรการการพักชำระหนี้ให้ธุรกิจต่ออีก 2 ปี เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินธุรกิจและจ้างงานต่อไปได้ ไม่เกิดปัญหาหนี้เสีย (NPL) ขณะเดียวกันยังจะเสนอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ขยายสัดส่วนการค้ำประกันสูงสุด (Max Claim) จาก 30% เป็น 50% ที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ตามวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) 5 แสนล้านบาท เพื่อจูงใจให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการง่ายขึ้น
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ.วันที่ 16 กันยายน 2563 ในฐานะกรรมการตัวแทนภาคเอกชนจะเสนอ ศบศ.ผลักดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณายืดมาตรการพักชำระหนี้ให้แก่ภาคธุรกิจต่ออีก 2 ปี จากที่จะสิ้นสุดเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจากประเทศทั่วโลกยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจไทยยังคงต้องอาศัยเวลาในการฟื้นตัว
"แม้ว่าไทยจะควบคุมโควิด-19 ได้ดี แต่หลายประเทศก็ยังต้องเผชิญกับการติดเชื้อและบางประเทศเริ่มกลับมาระบาดรอบใหม่ สภาพเศรษฐกิจไทยและโลกยังต้องอาศัยเวลาฟื้นตัวทำให้ผู้ประกอบการเองยังคงประสบปัญหาสภาพคล่อง" นายสุพันธุ์กล่าว
สำหรับแนวทางที่จะเสนอคือ ให้ ธปท.พักชำระเงินต้นต่ออีก 2 ปี แต่จะขอชำระดอกเบี้ย 6 เดือนแรกเพียง 10% ของดอกเบี้ยที่มีอยู่ โดยเป็นอัตราดอกเบี้ยปกติไม่ใช่ดอกเบี้ยประเภทผิดชำระหนี้ แล้วที่เหลือ 90% ขอค้างไว้ก่อน เมื่อสภาพเศรษฐกิจและผู้ประกอบการเริ่มฟื้นตัวก็สามารถพิจารณาเรื่องการชำระหนี้ส่วนที่เหลือได้ต่อไป
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ภาคเอกชนมองว่าโควิด-19 ขณะนี้ยังจะอยู่กับเราไปอีก 1-2 ปีจนกว่าจะมีวัคซีนออกมา ดังนั้นระหว่างนี้จึงต้องการให้ ธปท.พิจารณาแนวทางการยืดมาตรการการพักชำระหนี้ให้ธุรกิจต่ออีก 2 ปี เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินธุรกิจและจ้างงานต่อไปได้ ไม่เกิดปัญหาหนี้เสีย (NPL) ขณะเดียวกันยังจะเสนอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ขยายสัดส่วนการค้ำประกันสูงสุด (Max Claim) จาก 30% เป็น 50% ที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ตามวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) 5 แสนล้านบาท เพื่อจูงใจให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการง่ายขึ้น