กรมการค้าต่างประเทศยกเครื่องงานบริการ ปรับใช้ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทั้งการขอใบอนุญาตนำเข้า-ส่งออก หนังสือรับรองนำเข้า-ส่งออก และหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า พร้อมเชื่อมข้อมูลกับกรมศุลกากร มั่นใจช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า ลดขั้นตอนให้ผู้ประกอบการ
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ยกระดับการให้บริการแก่ผู้ประกอบการด้วยนวัตกรรมด้านบริการที่มีประสิทธิภาพในการอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย โดยได้พัฒนางานบริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้า ได้แก่ ใบอนุญาตนำเข้า-ส่งออกสินค้า หนังสือรับรองการนำเข้า-ส่งออกสินค้า และหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) จากการให้บริการแบบ Manual มาสู่การให้บริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ และพัฒนาต่อยอดจนปัจจุบันสามารถให้บริการแบบดิจิทัลควบคู่กับแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งมีการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอกกรมฯ เช่น กรมศุลกากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า ลดขั้นตอน ลดการเรียกเอกสารประกอบการพิจารณา ลดระยะเวลา ลดการเดินทางของผู้ประกอบการ และลดต้นทุนการดำเนินงาน
โดยปัจจุบัน กรมฯ สามารถให้บริการแบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบสำหรับการให้บริการออกใบอนุญาตและหนังสือรับรองการส่งออก-นำเข้าแบบไร้กระดาษ (Paperless) ซึ่งขณะนี้มีสินค้าที่ได้ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ National Single Window (NSW) กับกรมศุลกากรแล้ว จำนวน 53 รายการ เป็นการเชื่อมโยงแบบ Paperless จำนวน 35 รายการ จากรายการสินค้าทั้งหมด จำนวน 69 รายการ ที่อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการส่งออก-นำเข้า และยังได้ให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้ารูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้ความตกลงทางการค้าเสรีอาเซียน (e-Form D) โดยมีการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์กับศุลกากรปลายทางผ่านระบบ ASEAN Single Window (ASW) ด้วย
“การให้บริการแบบดิจิทัลนี้ ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอและเอกสารแนบประกอบการพิจารณา ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ และเมื่อคำขอได้รับการอนุมัติแล้ว กรมฯ จะส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของหนังสือสำคัญไปที่ศุลกากรทันที (Real Time) และผู้ประกอบการสามารถไปดำเนินพิธีการทางศุลกากรได้เลย โดยไม่ต้องเดินทางมาติดต่อขอรับหนังสือสำคัญที่กรมฯ อีก”
นายกีรติกล่าวว่า การยกเครื่องการให้บริการดังกล่าว เป็นการดำเนินการที่ตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาให้เป็นหน่วยงานภาครัฐแบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งช่วยตอบโจทย์การให้บริการในยุค New Normal โดยการเว้นระยะห่าง และลดการสัมผัสระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการอำนวยความสะดวกเหล่านี้ ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในการแข่งขันในตลาดโลกด้วย
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้กำหนดนโยบายและแผนงานบริการในอนาคตให้ก้าวสู่ยุค Digital DFT อย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งมีการมุ่งเน้นความต้องการของประชาชนเป็นศูนย์กลาง (Citizen–Centric Government) โดยการนำประเด็นความต้องการของประชาชนมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา ปรับปรุงระบบการให้บริการ ซึ่งเป็นการยกระดับการให้บริการและอำนวยความสะดวกทางการค้าแก่ผู้ประกอบการแบบดิจิทัลครบวงจร พร้อมทั้งเป็นการให้บริการที่ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 17 และ 18 ก.ย. 2563 กรมฯ มีกำหนดจัดสัมมนาเรื่อง “บทบาทกรมการค้าต่างประเทศในยุค New Normal” ณ โรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์ โฮเต็ล ประตูน้ำ (The Berkeley Hotel Pratunam) โดยวันที่ 17 ก.ย. 2563 จะมีการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับบทบาทกรมฯ ในการอำนวยความสะดวกทางการค้าในยุค New Normal รวมทั้งทิศทางกรมฯ ในอนาคต และจะมีการเสวนาโดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในหัวข้อ “ฝ่าวิกฤตโควิด พิชิตตลาดเพื่อนบ้าน ผ่าน Digital DFT” ซึ่งผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมการสัมมนา สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.dft.go.th รับจำนวนจำกัดเพียงแค่ 400 ท่านเท่านั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักบริการการค้าต่างประเทศ โทร 0-2547-4830 และ 0-2547-4838 หรือเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th และสายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385