กฟผ.ร่วมกับบริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำจุฬาภรณ์แบบสูบกลับ และระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บพลังงานเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศฉลุย
นางศรีวรรณ บูรณโชคไพศาล ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงานโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 12-13 กันยายน 2563 กฟผ.ได้ร่วมกับบริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด จัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 ต่อการกำหนดขอบเขตการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำจุฬาภรณ์แบบสูบกลับและระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 กิโลโวลต์ โดยมีประชาชนในพื้นที่ศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ เข้าร่วมจำนวน 702 คน มีผู้แสดงความคิดเห็นด้วยวาจา 24 คน เป็นผู้แทนจากประชาชนในพื้นที่ อ.คอนสาร อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ และ อ.ภูผาม่าน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น
“การรับฟังความเห็นทั้ง 2 เวทีต้องขอขอบคุณประชาชนที่เข้าร่วมและจะนำความเห็นไปกำหนดขอบเขตการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้มีความสมบูรณ์ เหมาะสมกับประชาชนในพื้นที่มากที่สุด” นางศรีวรรณกล่าว
ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำจุฬาภรณ์แบบสูบกลับ มีกำลังผลิตติดตั้ง 800 เมกะวัตต์ อยู่ในขั้นตอนการวางแผนและศึกษา เพื่อผลักดันสู่แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อทำหน้าที่เป็นแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ ใช้ผลิตไฟฟ้าในช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง เสริมความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยดำเนินการก่อสร้างเขื่อนปิดกั้นลำน้ำสุ (อ่างเก็บน้ำตอนล่าง) ซึ่งอยู่ท้ายน้ำโรงไฟฟ้าเขื่อนจุฬาภรณ์ประมาณ 5 กิโลเมตร ในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำ โรงไฟฟ้าจะทำการสูบน้ำบางส่วนกลับขึ้นไปเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์ (อ่างเก็บน้ำตอนบน) แล้วระบายน้ำผ่านโรงไฟฟ้าใต้ดินอีกครั้ง เพื่อผลิตไฟฟ้าในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง ถือเป็นการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับการดำเนินการปรับปรุงระบบโครงข่ายไฟฟ้าเดิมจาก 115 กิโลโวลต์ เป็น 230 กิโลโวลต์ จะไม่มีการขยายแนวเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้าเพิ่มเติม ทั้งนี้ โครงการฯ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 8 ปี จะก่อให้เกิดการใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น รวมถึงการจ้างงานให้แก่ชุมชน เมื่อเปิดดำเนินโครงการฯ ยังสามารถพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพิ่มโอกาสสร้างรายได้และอาชีพแก่ชุมชน อีกทั้งยังได้รับงบประมาณในการพัฒนาชุมชนจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าอีกด้วย
นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า พลังงานไฟฟ้าเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ขอขอบคุณ กฟผ.ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยดำเนินการศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำจุฬาภรณ์แบบสูบกลับ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการประชุมครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อห่วงกังวลครบถ้วนทุกด้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชาวชัยภูมิ และชาวขอนแก่น