“บ้านปู” เน้นเพิ่มลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานในช่วง 1-2 ปีนี้ ภายใต้ “บ้านปู เน็กซ์” ตั้งเป้า EBITDA ขยับเพิ่มเป็น 20% ในปี 68 ขณะที่สัดส่วนธุรกิจถ่านหินลดลงเหลือ 40% และมีพลังงานทดแทนเพิ่ม 1,600 เมกะวัตต์ในปี 68
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปีนี้ (2563-2564) บริษัทฯ จะเน้นลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน ภายใต้บริษัทลูก คือบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบ้านปู เน็กซ์ จาก 5% ในปีนี้เป็น 20% ในปี 2568 ขณะที่ธุรกิจถ่านหินจะเหลือ 40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 70% ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบัน 5% ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล (Conventional) ยังคงอยู่ในระดับเดิม 30%
ทั้งนี้ บ้านปู เน็กซ์ วางเป้าหมายการเป็นผู้นำด้านการให้บริการพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่าน 6 กลุ่มธุรกิจ ซึ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการขยายการลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานได้เร็วขึ้นเเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภค อาทิ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) ที่ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าทั้งรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมี (MovMi) ที่ให้บริการรับส่งลูกค้าตามเส้นทางรถไฟฟ้า ผ่านระบบแอปพลิเคชัน MovMi อาทิ จากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ผ่านจุฬาฯ วนไปสถานีสยาม เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมีให้บริการครอบคลุมกว่า 10 สถานีรถไฟฟ้า โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มการให้บริการตามจุดสถานีรถไฟเพิ่มเติมอีก ขณะที่จำนวนรถให้บริการจาก 10 คัน เพิ่มเป็น 100 คันในปีนี้ และเป็น 1,000 คันในปี 2564-2565 และระยะยาวจะเพิ่มเป็น 5,000 คันในปี 2568
นอกจากนี้ยังได้ให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า FOMM ผ่านแอปพลิเคชัน HAUP โดยให้ฮอปคาร์ (HAUPCAR) เป็นผู้ดูแลระบบการให้บริการทั้งหมด ปัจจุบันมีรถ FOMM ให้บริการอยู่ราว 50 คัน สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีเพิ่มเป็น 100 คัน โดยคิดค่าบริหารเช่าทั้งแบบรายวันและรายเดือน
ส่วนเรือยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้บ้านปูเน็กซ์ อีเฟอร์รี่ นพมัลลี (BanpuNext e-Ferry) ปัจจุบันเปิดตัวไปแล้ว 1 ลำบรรจุคนได้ 90 คน ลงทุน 36 ล้านบาท เพื่อวิ่งให้บริการเป็นเรือสำหรับท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต คาดว่าจะสามารถให้บริการได้ประมาณช่วงต้นเดือน ต.ค. 63 และในปีหน้าจะรับมอบเพิ่มอีก 1 ลำ จากบริษัท สกุลฎ์ซี จำกัด โดยมีเป้าหมายเพิ่มปีละ 30 ลำ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะขยายการให้บริการได้ถึง 200 ลำ สำหรับให้บริการเป็นเรือท่องเที่ยวในภูเก็ต จากปัจจุบันมีผู้ประกอบการเรือใน จ.ภูเก็ต ราว 20 ราย จำนวนเรือที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันราว 2,000 ลำก็มีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นไปใช้เรือยนต์ไฟฟ้าซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องเสียง ไม่ส่งกลิ่นและทิ้งคราบน้ำมันในทะเลด้วย
สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน บ้านปูเน็กซ์ ได้ลงทุนในต่างประเทศทั้งจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม ซึ่งในกลุ่มยังคงมองหาโอกาสขยายการลงทุนต่อเนื่องในต่างประเทศเพิ่มเติมรวมทั้งขยายการลงทุนไปออสเตรเลีย และไต้หวัน ปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่เป็นโซลาร์ฟาร์ม และพลังงานลมราว 642 เมกะวัตต์ โดยในจำนวนนี้รวมโรงไฟฟ้าพลังงานลมเอลวินหมุยหยิน (El Wind Mui Dinh) ขนาดกำลังการผลิต 37.6 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมซอกจาง เฟสที่ 1 ขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ที่เวียดนาม
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือโซลาร์รูฟท็อป โดยกลุ่มเป้าหมายหลักๆ ก็จะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงเรียน โรงพยาบาลห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย เป็นต้น โดยให้บริการตั้งแต่การออกแบบระบบ การเข้าติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และสมาร์ทซิตี้โซลูชัน โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ราว 172 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อให้บริการแก่เทศบาลขอนแก่น เทศบาลแสนสุข และเทศบาลภูเก็ต คาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องรูปแบบการลงทุนภายในปีนี้
ปัจจุบันบ้านปูเน็กซ์มีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และโซลาร์รูฟท็อป ประมาณ 814 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้าหมายในปี 2568 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 1,600 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโซลาร์รูฟ ท็อป 500 เมกะวัตต์
นางสมฤดีกล่าวว่า บ้านปู เน็กซ์ ดำเนินธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System หรือ ESS) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาเพื่อให้บริการระบบจัดเก็บพลังงาน เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การใช้งานร่วมกับระบบโซลาร์เพื่อเป็นแหล่งสำรองไฟฟ้า การใช้งานสำหรับระบบสมาร์ทกริด หรือไมโครกริด เพื่อช่วยในการบริหารจัดการได้ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการดำเนินธุรกิจบริหารจัดการระบบการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพ (Energy Efficiency หรือ EE) โดยให้คำปรึกษาด้านการจัดการระบบการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมตรวจสอบ และวิเคราะห์แนวทางในการลดต้นทุนด้านการใช้พลังงาน เป็นต้น