คาดดึงเงินลงทุนเข้าประเทศไทยได้ถึง 1 ล้านล้านบาท หากเปิดรับ 1 ล้านคน เทียบดูไบเล็งดึงต่างชาติกระเป๋าหนักวัยเกษียณ หลังคนต่างชาติลดลงช่วงโควิด-19 ส่วนฝรั่งเศสทุ่มแสนล้านยูโรฟื้นเศรษฐกิจ
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า แม้คนส่วนใหญ่จะท่องเที่ยวได้น้อยลงในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่สำหรับคนที่ร่ำรวยมหาศาลนั้น ต้องการหนีตาย ย้ายสำมะโนครัว หนีไปประเทศที่น่าอยู่ และมีสาธารณสุขดี ทำให้หลายประเทศแย่งกันเป็นตัวเลือก ในขณะที่ประเทศไทยพร้อมทุกอย่างแต่ยังช้า และยังไม่มีมาตรการเชิญชวน ทั้งนี้หากประเทศไทยทำสำเร็จในการดึงเศรษฐีกระเป๋าหนักจากต่างประเทศมาอยู่เมืองไทย พร้อมนำเงินลงทุนอย่างน้อยคนละ 1 ล้านเหรียญเข้ามายังประเทศไทย นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นเท่าตัว และได้เงินเข้ามามากกว่า GDP ประเทศ ยังสามารถแก้ปัญหาเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า และ ยังกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย
ทั้งนี้ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้นแบบให้ประเทศไทยได้เป็นอย่างดี และเดินหน้าเรื่องดึงดูดมหาเศรษฐีทั่วโลกอย่างจริงจัง ล่าสุด ดูไบเผย โครงการ Global Retirement เล็งให้วีซ่าที่ต่ออายุได้ทุก 5 ปีแก่ชาวต่างชาติวัย 55 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้อย่างน้อยเดือนละ 20,000 ดีแรห์ม (168,000 บาท) หรือมีเงินออม 1 ล้านดีแรห์ม (8,400,000 บาท) หรือมีอสังหาริมทรัพย์ในดูไบมูลค่า 2 ล้านดีแรห์ม (16,000,000 บาท) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ภาคสำคัญๆ ของเศรษฐกิจดูไบ อย่างการท่องเที่ยวและขนส่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้บริษัทต่างๆ เลิกจ้างเพื่อลดต้นทุน ส่งผลให้ชาวต่างชาติจำนวนมากที่เข้าไปทำงานในดูไบ ต้องเดินทางออกไป
กฎระเบียบใหม่นี้น่าจะช่วยหนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ดูไบ ซึ่งเผชิญภาวะล้นตลาดมาหลายปีเช่นกัน
ผู้ประกอบการภาคเอกชนไทยส่วนหนึ่งให้ความเห็นว่า สำหรับประเทศไทยหากต้องการดำเนินการ ต้องประกาศเชิญชวนให้คนต่างชาติเข้ามาสมัครวีซ่าตลอดชีพ (Permanent Resident) และกำหนดเป็นโควตารายประเทศ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยจำกัดปีละ 100 คนเท่านั้น แต่ควรปรับเป็น 1 ล้านคน ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องลงทุนในประเทศไทยอย่างน้อย 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และเปิดโอกาสให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ โดยให้ถือครองได้อย่างน้อย 50 ปี ก็จะทำให้คนต่างชาติที่กระเป๋าหนักเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการจ้างงานอีกกว่า 1 ล้านตำแหน่งอีกด้วย นอกจากนี้ ครอบครัวนักธุรกิจจะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และการจ้างงาน ซึ่งสอดคล้องกับ New Normal ที่คนทำงานได้จากทุกที่ ประเทศไทยจะกลายเป็นฮับด้านเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับรัฐบาลฝรั่งเศสที่เพิ่งเปิดเผยรายละเอียดในแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่า 100,000 ล้านยูโร (3,700,000 ล้านบาท) เพื่อสร้างงาน รวมถึงช่วยเหลือภาคธุรกิจ และดึงประเทศขึ้นจากภาวะถดถอยครั้งร้ายแรงที่สุดตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
สำหรับ แผนการ France Reboot มุ่งสร้างงานอย่างน้อย 160,000 ตำแหน่งในปีหน้า และผลักดันเศรษฐกิจซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยูโรโซน ให้กลับมาเติบโตในระดับเดียวกับปี 2562 ภายในปี 2565
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะใช้เงิน 35,000 ล้านยูโรเพื่อเพิ่มขีดการแข่งขันของประเทศ, 30,000 ล้านยูโร เพื่อดำเนินนโยบายพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 25,000 ล้านยูโรเพื่อสนับสนุนตำแหน่งงาน
แผน “France Reboot” มีมูลค่าเท่ากับ 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) อันเท่ากับว่าฝรั่งเศสทุ่มเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่ายักษ์ใหญ่ยุโรปประเทศอื่น เมื่อคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพี ทั้งนี้ เศรษฐกิจฝรั่งเศสติดลบ 13.8% ช่วงไตรมาส 2 และคาดว่าทั้งปีจะติดลบ 11%