พีทีจีฯ ขอเวลา 5 ปี ขยับส่วนแบ่งการตลาด LPG ครัวเรือนขึ้นเป็นอันดับ 3 โดยจะกระจายขายให้ครบทุกอำเภอ ส่วนปีนี้บริษัทมั่นใจมีปริมาณการขายน้ำมันและก๊าซ LPG เพิ่มสูงขึ้นยันได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อย
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายธุรกิจก๊าซหุงต้ม (LPG) สำหรับครัวเรือนจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่อันดับที่ 3 ภายในปี 2567 โดยครอบคลุมทุกอำเภอ ซึ่งปี 2564 บริษัทมั่นใจยอดขายก๊าซหุงต้มจะเพิ่มขึ้นใกล้เคียง 100%
ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่ามีปริมาณการขายน้ำมันเติบโตขึ้น 6-10% และ LPG โตขึ้น15-20% จากปีก่อน ซึ่งพบว่าบริษัทแทบไม่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ป้องกันการแแพร่ระบาดโควิด-19 เพราะมีสถานีบริการกระจายไปอยู่ทั่วประเทศ ทั้งถนนสายรองและสายหลัก ไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่ตัวเมือง ส่วนธุรกิจนอนออยล์ที่ได้รับผลกระทบทั้งในส่วนร้านสะดวกซื้อ และร้านกาแฟคอฟฟีเวิลด์ เนื่องจากร้านกาแฟดังกล่าวมีสาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้าและสนามบิน จึงได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม พบว่ายอดขายร้านกาแฟในเดือนสิงหาคมนี้ได้ปรับตัวดีขึ้นมี EBITDA เป็นบวก คาดว่าปี 2564 ธุรกิจนอนออยล์จะมีกำไรสุทธิอย่างแน่นอน
นายพิทักษ์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯ ได้ปรับงบลงทุนจากเดิมที่เคยตั้งไว้เมื่อต้นปีนี้ที่ 5 พันล้านบาท เหลือเพียง 3.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจหลักทั้งน้ำมันและ LPG 3 พันล้านบาท ธุรกิจนอนออยล์ 300 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 200 ล้านบาท ส่งผลให้ปีนี้บริษัทมีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเป็น 1,900 แห่ง สถานี LPG ภาคขนส่งรวม 230 แห่ง และธุรกิจนอนออยล์ 700 แห่ง
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 บริษัทฯ ประมาณการกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อม ภาษีและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) โตขึ้น 6-10% จากปีก่อนที่ทำได้ 5.2 พันล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ว่าจะโต 10-12% แม้ว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันและก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้น แต่ธุรกิจนอนออยล์ปรับลดลง รวมทั้งราคาน้ำมันได้อ่อนตัวลง จากสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวจากผลกระทบโควิด-19