xs
xsm
sm
md
lg

“วัวแดง” ให้ “ทีสตอรี่” ลุยมิ้ลค์แลนด์ ดึง BNK48 กระตุ้น-รุกนมอัดเม็ด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - อ.ส.ค.พลิกกลยุทธ์ร้านค้าปลีก “ไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์ แลนด์” มอบสิทธิ์ให้ “ทีสตอรี่” รับบริหารไลเซนส์แฟรนไชส์ทั่วไทยบุกตลาดอย่างหนัก วางเป้าปีนี้เปิดอีก 30 แห่ง ปีหน้าผุดอีก 80 แห่ง ดึง BNK48 เป็นพรีเซ็นเตอร์ร้านเจาะวัยรุ่น ลุยตลาดนมวัวอัดเม็ด

นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ และรักษาการผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (นมไทย-เดนมาร์ค/วัวแดง) หรือ อ.ส.ค. กล่าวว่า ทาง อ.ส.ค.ได้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจค้าปลีกร้านไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์ แลนด์ โดยการขายแฟรนไชส์ ล่าสุดได้มอบหมายให้บริษัท ทีสตอรี่ พระราม 9 จำกัด เข้ามาเป็นผู้รับสิทธิ์บริหารธุรกิจแฟรนไชส์แทน อ.ส.ค. เริ่มวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีสัญญานาน 5 ปี หลังจากที่เปิดให้มีผู้สนใจเสนอตัวเข้ามาบริหาร

ก่อนนี้ทาง อ.ส.ค.ได้ดำเนินการร้านไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์ แลนด์ มาตั้งแต่ปี 2561 โดยลงทุนเองและเปิดขายแฟรนไชส์ ปัจจุบันมีมากกว่า 102 สาขาแล้ว แต่จากนี้ทาง อ.ส.ค.จะโอนร้านที่มีอยู่ให้ทีสตอรี่ฯ ดำเนินการต่อไป 


“ อ.ส.ค.ต้องการให้ร้านไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์ แลนด์ มีความแข็งแกร่งและเติบโต เพราะเราเองก็ไม่ชำนาญเรื่องแฟรนไชส์ แต่เราจะแข็งแกร่งเรื่องการผลิตวัตถุดิบนมวัวเป็นหลัก ซึ่งการทำร้านมิ้ลค์แลนด์ก็เป็นการสร้างตลาดให้กับนมของเราอีกทางหนึ่งด้วย โดยคาดว่าร้านค้าปลีกนี้จะสร้างรายได้ให้ อ.ส.ค. ได้ 10 % จากทั้งหมด”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ร้านไทย-เดนมาร์ค มิลค์ แลนด์ เป็นร้านขายเครื่องดื่มนมและกาแฟสไตล์โมเดิร์นที่ทำจากนมสดไทย-เดนมาร์ค ที่ อ.ส.ค.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เปิดสาขาแรกที่ที่ทำการของ อ.ส.ค.สระบุรี และต่อมาเปิดที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม และเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต บางใหญ่ ขณะเดียวกัน ยังมีโมเดลร้าน ‘ไทย-เดนมาร์ค มิลค์ ช็อป’ ที่เน้นเปิดในสถาบันการศึกษาทั้งระดับโรงเรียน-มหาวิทยาลัย

นายสุชาติกล่าวด้วยว่า การเปิดร้านค้าปลีกดังกล่าวนี้จะช่วยให้เราเข้าถึงลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์โดยตรงในวงกว้างกับแบรนด์ของเรามากขึ้น และเป็นโอกาสที่จะสร้าง Brand Lover เพิ่มเติมในอนาคตและต่อยอดเป็น Lifetime Customers ได้อีกด้วย เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น และมีคู่แข่งในตลาดมากมาย โดยเฉพาะชานมไต้หวันไข่มุก


อ.ส.ค.มีเป้าหมายที่จะผลักดันการบริโภคนมของคนไทยเพิ่มเป็น 25 ลิตรต่อคนต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 18 ลิตรต่อคนต่อปี

นอกจากนี้ได้ขยายสินค้าทำนมวัวอัดเม็ด โดยร่วมมือกับสหกรณ์โคนมไทยมิ้ลค์สระบุรี ให้เป็นผู้ผลิตแบบโออีเอ็มให้ อ.ส.ค.เพื่อจำหน่าย นมอัดเม็ดนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน แม้ว่าขณะนี้จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาไม้ได้ แต่ยังเป็นตลาดที่ดี

ล่าสุดได้นำศิลปิน บีเอ็นเค 48 (BNK48) จำนวน 12 คน มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แก่ร้านไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์ แลนด์ เพื่อเป็นกลยุทธ์เจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นได้มากขึ้น เพราะกลุ่มนี้เป็นฐานตลาดที่ใหญ่จึงต้องใช้กลยุทธ์ไอดอลและมิวสิกเข้ามาทำตลาดด้วย รวมทั้งได้เปิดตัวสินค้าใหม่อีก 4 เมนู คือ ป๊อปป๊อปโยเกิร์ต, แทมมี่จุ๊ยส์ซี่โยเกิร์ต, โกโก้ลาวาคีโต และมอคค่าลาวาคีโต ซึ่งเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ


แหล่งข่าวจาก บริษัท ทีสตอรี่ พระราม 9 จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายภายในปี 2563 นี้จะเพิ่มอีก 30 สาขาแฟรนไชส์ และปีหน้า (2564) ตั้งเป้าหมายเปิดอีก 80 สาขาแฟรนไชส์ มองทำเลทั้งย่านชุมชน สถาบันการศึกษา ค้าปลีกศูนย์การค้า ออฟฟิศ โรงพยาบาล ทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด จากปัจจุบันนี้มีสาขาในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัดใกล้เคียงกัน

สำหรับเงื่อนไขแฟรนไชส์มี 3 รูปแบบ คือ 1. ขนาดเอส ลงทุนเริ่มต้น 1.05-1.1 ล้านบาท พื้นที่ 12.25-16 ตารางเมตร, 2. ขนาดเอ็ม เริ่มต้นที่ 1.7 ล้านบาท พื้นที่ 40 ตารางเมตร และ 3. ขนาดแอล ลงทุนเริ่มต้น 2 ล้านบาท พื้นที่ 60 ตารางเมตร ซึ่งทั้ง 3 รูปแบบจะต้องจ่ายค่ารอยัลตีฟี 3% และค่ามาร์เกตติ้งฟี 3% จากยอดขาย มีสัญญานาน 5 ปี

ขณะนี้มีรายชื่อผู้สนใจจำนวนมาก แต่บริษัทฯ ต้องพิจารณาถึงผู้ที่มีความเหมาะสม โดยนอกจากเครื่องดื่มที่เน้นนมวัวเป็นหลักแล้ว จะมีการเพิ่มสินค้าใหม่ต่อเนื่อง เช่น เบเกอรี ขนมปัง ซึ่งยังมีเพียงบางสาขา การพัฒนาเมนูใหม่ๆ ต่อเนื่อง ซึ่งแฟรนไชส์ทุกรายต้องรับนมจาก อ.ส.ค. 
 


นายสุชาติกล่าวต่อว่า ปี 2563 นี้คาดว่าจะทำยอดขายรวมได้ประมาณ 9,500 ล้านบาท น้อยกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้เล็กน้อย เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักส่งผลกระทบไปทั่ว แต่ปีหน้าคาดว่าจะกลับมาทำยอดขายได้ 10,000 ล้านบาทแน่นอน โดยลงทุนเฉลี่ยปีละประมาณ 200-300 ล้านบาท หากไม่มีโครงการขนาดใหญ่ สัดส่วนยอดขายมาจากโมเดิร์นเทรดและเทรดิชันนัลเทรดเท่าๆ กัน

สำหรับผลดำเนินการรอบปีงบประมาณ 2562 มียอดขายประมาณ 10,000 ล้านบาท กำไรสุทธิประมาณ 323 ล้านบาท โดยตลาดต่างประเทศทำยอดขาย 957 ล้านบาท ตลาดหลักในกลุ่มประเทศ AEC แบ่งเป็น สปป.ลาว ได้ยอดขายประมาณ 236 ล้านบาท กัมพูชาประมาณ 651 ล้านบาท และพม่าประมาณ 70 ล้านบาท ส่วนปี 2563 วางเป้าหมายทำยอดขาย 11,130 ล้านบาท วางเป้าขยายตลาดต่างประเทศเป็น 1,200 ล้านบาท และเตรียมเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในตลาดพม่าและเตรียมเปิดตลาดในจีน และเวียดนาม








กำลังโหลดความคิดเห็น