ผู้จัดการรายวัน 360 - กลุ่มดุสิตธานีประกาศแผนการขยายธุรกิจในประเทศอินเดีย คาดสามารถปิดดีลอีก 4 แห่งใน 12 เดือนข้างหน้า ล่าสุดลงนามในสัญญาแฟรนไชส์กับเจนกรุ๊ป (Jain Group) เข้าบริหารโรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เซอร์วิส สวีท กัลกัตตา คาดเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2565
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดุสิตมีแผนการขยายธุรกิจในประเทศอินเดีย เน้นตลาดท่องเที่ยวระดับบนด้วยโมเดลรับจ้างบริหารและแฟรนไชส์ในเมืองหลักและเมืองรอง เช่น มุมไบ, เดลี และบังคาลอร์ คาดสามารถปิดดีลอีก 4 แห่งใน 12 เดือนข้างหน้า โดยวางแผนเปิดโรงแรมปีละ 2 แห่ง เริ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
ล่าสุดลงนามในสัญญาแฟรนไชส์กับเจนกรุ๊ป (Jain Group) กลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจการเงินชั้นนำในอินเดีย เพื่อเตรียมเข้าบริหารโรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เซอร์วิส สวีท กัลกัตตา คาดเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2565
กลุ่มดุสิตธานีรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เจนกรุ๊ปได้ไว้วางใจเลือกแบรนด์ดุสิต ปริ๊นเซสให้เข้าบริหารโรงแรมในกัลกัตตา แม้ว่าที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะนำมาซึ่งความเสียหายและสร้างความท้าทายอย่างมากให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการทั่วโลก แต่กลุ่มดุสิตธานียังคงมั่นใจว่าอุตสาหกรรมโรงแรมจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ และคาดว่าอินเดียจะกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการท่องเที่ยวระหว่างประเทศและในประเทศในวันที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมสดใสกว่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าการขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศอินเดียของกลุ่มดุสิตธานีในครั้งนี้ จะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าในระยะยาวให้แก่นักลงทุนของเรา
สำหรับโรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เซอร์วิส สวีท กัลกัตตา เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในทำเลทองใกล้พื้นที่สีเขียวของอีโคปาร์ก (Eco Park) สามารถขับรถยนต์เพียงแค่ 5 นาทีจากใจกลางเมืองและสนามบิน อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินคาแล็กชีตรา (Kalakshetra) เพียง 1 นาทีเท่านั้น โดยภายในโรงแรมประกอบด้วย ห้องสวีตขนาดใหญ่แบบ 3 ห้องนอน จำนวนทั้งสิ้น 42 ยูนิต เหมาะสำหรับทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักระยะยาว มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สระว่ายน้ำ ห้องอาหาร ฟิตเนสและศูนย์สุขภาพ ห้องจัดเลี้ยงและห้องประชุมสำหรับงานเล็กและงานระดับกลาง
“หากมองในแง่ของวัฒนธรรมและประเพณีแล้ว ประเทศอินเดียและประเทศไทยนั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก ขณะที่แบรนด์ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ในฐานะแบรนด์เอเชียก็เป็นแบรนด์ที่มีประสบการณ์ในการบริหารโรงแรมและรีสอร์ตมายาวนานกว่า 70 ปี อีกทั้งแบรนด์เดวาราณาของกลุ่มดุสิตเคยเป็นที่รู้จักในกรุงเดลี ประเทศอินเดียมาแล้วในช่วงปี 2551-2559 ในฐานะแบรนด์ลักชัวรีระดับบน จึงทำให้แบรนด์ดุสิตเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเจ้าของกิจการโรงแรมในอินเดีย” นางศุภจีกล่าว
ทั้งนี้ ประเทศอินเดียเป็น 1 ใน 7 ของตลาดชั้นนำของโรงแรมและรีสอร์ตในเครือดุสิตทั่วโลก โดยปัจจุบันนี้ชนชั้นกลางในประเทศอินเดียเติบโตอย่างรวดเร็ว จนคาดว่าจะมีจำนวนถึง 583 ล้านคน หรือ 41% ของประชากรอินเดียภายในปี 2568 กลุ่มดุสิตจึงมองเห็นศักยภาพในการสร้างแบรนด์ระดับหรูและระดับกลางในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ ซึ่งกลยุทธ์การขยายธุรกิจในอินเดียของดุสิต คือการเลือกแบรนด์โรงแรมที่มีคุณภาพ ทั้งดุสิตปริ๊นเซส และดุสิตดีทู เพื่อช่วยต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินทรัพย์ที่มีอยู่ของนักลงทุนหรือเจ้าของกิจการ โดยหนึ่งในตัวอย่างของดีลที่คาดว่าจะปิดได้เร็วๆ นี้ คือ การนำปราสาทเก่าแก่มาทำเป็นโรงแรมระดับหรู โดยกลุ่มดุสิตตั้งใจที่จะนำรูปแบบการให้บริการแบบไทยมาผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นของอินเดีย เพื่อสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่มีระดับให้แก่ลูกค้า และมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ชุมชนรอบข้าง
ด้าน มร.เชรียอานส์ เจน (Shrayans Jain) รองประธานเจนกรุ๊ป กล่าวว่า การใช้ชีวิตแนววิถีใหม่หรือนิวนอร์มัล (New Normal) ในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้นักเดินทางชาวอินเดียมองหาแบรนด์ที่พวกเขาไว้วางใจได้ มีความปลอดภัย และความสะดวกสบายในระดับสูง กลุ่มดุสิตมีประสบการณ์มากกว่า 7 ทศวรรษในการส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าในจุดหมายปลายทางสำคัญๆ ทั่วโลก และยังมีชื่อเสียงอันเยี่ยมยอดที่อินเดียในด้านคุณภาพงานบริการ เจนกรุ๊ปจึงเชื่อมั่นว่า ด้วยการผนึกความร่วมมือที่สำคัญในครั้งนี้ จะทำให้โรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เซอร์วิส สวีท กัลกัตตา จะอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ และเราหวังว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานและประสบความสำเร็จไปด้วยกันกับกลุ่มดุสิตธานี
ทั้งนี้ ปัจจุบันดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล หรือกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย ที่เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านการบริการท่องเที่ยวและโรงแรม ดำเนินกิจการครอบคลุม 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต้อนรับ ธุรกิจหลักของกลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตและวิลลาหรู ภายใต้ 6 แบรนด์ ได้แก่ ดุสิตธานี, ดุสิตเดวาราณา, ดุสิตดีทู, ดุสิตปริ๊นเซส, อาศัย และอีลิธฮาเวนส์ ในจุดหมายปลายทางชั้นนำกว่า 300 แห่งใน 14 ประเทศทั่วโลก และธุรกิจการศึกษา ซึ่งประกอบด้วย โรงเรียนสอนประกอบการทำอาหาร วิทยาลัยการโรงแรมทั้งในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหาร ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจให้บริการอื่นๆ เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่บริษัทเพิ่งเริ่มกระจายการลงทุนไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตามแผนกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวที่ประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างความสมดุล การเติบโต และการกระจายความเสี่ยง
ส่วนเจนกรุ๊ป (Jain Group) เป็นหนึ่งในองค์กรที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงที่สุดในภาคอสังหาริมทรัพย์ การบริการ และการเงินในอินเดียตะวันออก ซึ่งก่อตั้งโดย มร.เปรม เจน และดำเนินธุรกิจมานานกว่า 30 ปี แรกเริ่มเจนกรุ๊ปได้ก่อตั้งแผนกจัดหาเงินทุนรถยนต์ (Jain Finance Corporation) และเปิดตัวโทปาซ มอเตอร์ (Topaz Motors) ในปี 2541 ในฐานะตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ หลังจากนั้นภายใน 2 ปี โทปาซ มอเตอร์ได้กลายเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักของ สโกดา ออโต อินเดีย (Skoda Auto India) ซึ่งเป็น บริษัทในเครือของโฟล์คสวาเกน ออโต (Volkswagen Auto) รายใหญ่ของเยอรมนี
ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ภายใต้การนำของ เชรียอานส์ เจน (Shrayans Jain) รองประธานกลุ่ม ได้นำบริษัทประสบความสำเร็จในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้โครงการ Aegis of Dream Homes โดยการสร้างพื้นที่อยู่อาศัยในจุดที่น่าลงทุนอย่างเมืองโกลกาตา (Kolkata), สิลิกูรี (Siliguri) และทุรคาปูร์ (Durgapur) และด้วยความเป็นผู้นำที่ไม่หยุดนิ่งของบริษัท ทำให้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตกว่า 5 เท่า และยังมีการเตรียมวางแผนการเติบโตของบริษัทแบบควอนตัมในอนาคตอีกด้วย