สำนักข่าว US News จัดอันดับไทยเป็นประเทศที่เหมาะสมในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลกติดต่อกัน 2 ปีซ้อน จากการสอบถามผู้บริหารวงการธุรกิจทั่วโลก 6,000 คน กรมพัฒน์ฯ เผยการเริ่มต้นธุรกิจในไทยสุดง่าย ทำแค่ 5 ขั้นตอน ใช้เวลา 6 วัน เตรียมลุยพัฒนาต่อนำระบบ AI มาใช้ หวังการจัดอันดับความยากง่ายทำธุรกิจดีขึ้นอีก
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้เว็บไซต์ US News & World Report (www.usnews.com/news/best-countries/best-start-a-business) ซึ่งเป็นสำนักข่าวที่เผยแพร่ข่าว ความเห็น และการจัดอันดับต่างๆ ที่ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลต่อชาวอเมริกัน ได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับประเทศที่เหมาะในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก ประจำปี 2563 หรือ Best Countries to Start a Business 2020 โดยระบุว่าไทยเป็นประเทศที่เหมาะสมในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยเมื่อปี 2019 US News ก็ได้จัดอันดับให้ไทยเป็นประเทศที่เหมาะในการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลกเช่นกัน
ทั้งนี้ ผลการสำรวจมาจากการสอบถามผู้บริหารในวงการธุรกิจจำนวน 6,000 คนทั่วโลก พิจารณาจากสิ่งแวดล้อมการทำธุรกิจ 5 ด้าน คือ 1. การบริหารจัดการมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง (Affordable) 2. ระบบราชการที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ (Bureaucratic) 3. ต้นทุนการผลิตต่ำ (Cheap Manufacturing Costs) 4. การติดต่อการค้ากับต่างประเทศ (Connected to the Rest of the World) และ 5. ความสามารถการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย (Easy Access to Capital)
“การจัดอันดับดังกล่าวข้างต้น สะท้อนถึงการพัฒนาการให้บริการภาครัฐในส่วนของการเริ่มต้นธุรกิจที่มีความสะดวก รวดเร็ว สอดรับกับบริบทการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ ซึ่งกรมฯ เป็นเจ้าภาพหลักด้านการเริ่มต้นธุรกิจที่ธนาคารโลกใช้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ จากสมาชิก 190 ประเทศทั่วโลก เพื่อจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ หรือ Doing Business ในทุกๆ ปี”
โดยรายงาน Doing Business 2020 ประเทศไทยอยู่ในอันดับรวมที่ 21 และอยู่ในอันดับที่ 47 ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ โดยการเริ่มต้นธุรกิจของไทยมี 5 ขั้นตอน ใช้ระยะเวลา 6 วัน ประกอบด้วย การจองชื่อบริษัท การชำระเงินทุนเข้าธนาคาร การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการขึ้นทะเบียนลูกจ้าง
อย่างไรก็ตาม กรมฯ จะพัฒนาประสิทธิภาพเพื่อให้การบริการเริ่มต้นธุรกิจดียิ่งขึ้น โดยลดระยะเวลาและขั้นตอนการบริการให้น้อยลงอีก ซึ่งได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมสรรพากร และสำนักงานประกันสังคม รวมทั้งนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจและประชาชน ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้อันดับของการเริ่มต้นธุรกิจดีขึ้นกว่าปี 2020 และจะเป็นการส่งเสริมบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในการเริ่มต้นธุรกิจ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายสำคัญที่นักลงทุนชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจเพิ่มมากขึ้น